*Spoiler Alert* อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 1 บท 10-11
4:57pm มาเขียนไว้หน่อยครับ ระวังสปอยล์นะ มาเขียนว่าได้อะไรบ้าง ก็จริงๆช่วงนี้เริ่มศึกษาเรื่องการ เขียนนิยายมากขึ้น ล่าสุด ฟังวิดิโอจากคุณ Jed Herne ชอบมากๆๆ นี่ๆ แบ่งปันกันก่อน
https://www.youtube.com/watch?v=o0uui_RGFkA&t=3184s
นะครับ ก็คือ พยายามจะสลับไปมาแหล่ะ เขียนวรรณกรรมไม้ห้วด้วย แล้วก็ อ่านด้วย แน่นอน จะกลับไปที่ความฝันที่ทำให้เราชอบอ่าน ตั้งแต่เด็ก ก็คือ แฮร์รี่ พอตเตอร์นั่นเอง ยังไม่ต้องพูดว่า การเขียน ก็ต้องเริ่มจาก เลคเชอร์ เอาต์ไลน์ แล้วก็ถึงได้เริ่มเขียนอ่ะนะ เอาว่าตอนนี้มาเอาเรื่องการอ่านก่อน ตอนแรกก็กะอ่านแค่สามสิบนาทีนั่นแหล่ะครับ สลับไปมา ไม่ได้อยากจะต้อง วาดรูปอะไร เพราะก็บอกตัวเองว่า ต้องโฟกัส เอาเรื่องการเขียนการอ่านก่อน แต่มันไม่ได้อ่ะ
(สปอยแล้วนะ คนที่ยังไม่ได้อ่านเล่มหนึ่ง ต้องระวังโดนเปิดเผยเนื้อหาก่อนน้าาาา แล้วก็รูปวาดข้างล่างด้วยเด้อ)
ก็คือ อ่านตอนที่ 10 เรื่อง ฮัลโลวีน อันนี้ชอบอย่างละ ว่าแต่ละบท เจเคจะพูดเป็นเรื่องๆไป บทที่ 11 ก็ควิดดิช อืม มันก็เห็นโครงสร้างที่ ใหญ่ไปเล็ก แบ่งให้ง่ายขึ้น ไว้ไปใช้บ้าง แต่ก็นั่นแหล่ะ จริงๆ สามารถมาเขียนสรุปได้อีกนะ ว่าแต่ละบท มีเรื่องอะไร event อะไรเกิดขึ้นบ้าง ผมว่าเป็นการ reverse engineer ที่ดีเลย ไว้ก่อนๆ ไม่ก็เอามาแมพกับ 9 story structure point ของ jed herne ก็น่าทำเหมือนกัน ว่าตอนนี้เราอยู่ตรงไหนแล้ว เป็นช่วงที่ harry ได้เห็น truth หรือยังเป็น middle revelation หรือยังเป็นต้น น่าสนใจๆ (แง อยากเขียนต่อแล้วน่ะ แบบ พวก คาแรกเตอร์ชีทพี่งอท หรือว่า worldbuilding, plot ไว้ก่อนๆ ล่าสุด ผมไปเจอ ลิงค์ไปที่ book outline ของคุณท่านนี้ด้วยนะ แบ่งอีกๆ
https://stan.store/the-ashfiles/p/fictionoutline
แต่ว่ายังไม่ได้โหลดมาน่ะครับ คิดว่าต้องเป็นโครงการเขียนเรื่องหลังบ้านที่มีประโยชน์มากๆ ก่อนที่จะถลำลงเขียนไม้หัวยาวไปๆ แน่เลยน่ะ)
เค กลับมาที่ฮอกวอตส์ ก็ชอบ ซีนนั้นแหล่ะ หลังจากโทรลล์มา แล้วแบบ สามหน่อกลับหอพักแล้วไม่ได้มองหน้ากัน แต่บอกว่าขอบใจ แล้วเหตุการณ์นี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่ทั้งสามได้ level up ความเป็น เพื่อน ต่อกันและกัน ซึ้งนำ้ตาไหลเลยอ่ะ ชอบๆ มันเหมือนเข้าใจแล้วว่า เราจะเป็นเพื่อน หรือว่า การที่คนเราจะ change มันต้องมี turning point หรือว่า ที่เค้าเรียก inciting incident? เหรอเปล่านะ เป็นต้น คือ มันก็ดูบังเอิญแหล่ะ ที่รอนแฮรี่ จู่ๆไปล็อกโทรลไว้ในห้อง เฮอไมโอเนี่ แต่ เอาจริง พล็อตที่ดู make sense หรือเปล่า มันก็ไม่สำคัญถ้าเกิดว่า เรื่องราวมันพาให้เราไปต่อได้อ่ะ (จริงๆมันก็เป็นเพรื่องฉลาดแล้วที่เจเคทำแบบนั้น เพื่อให้การเล่าเรื่องประหยัดไง จะไปห้องอื่นอีกทำไมอ่ะ) นั่นแหล่ะ คือทุกอย่างมันเกิดขึ้น กับตัวละครไม่กี่คน สามหน่อ อาจารย์มักกอนนากัล สเนป คือตรงนี้ด้วย เราเห็นเรื่องการ prioritize ว่าตัวละครหลักจะมาบ่อยๆ ตัวละครเสริมอย่างเนวิลก็นานๆโผล่ที ตัวเสริมอย่าง เชมัสงิ ก็นานๆๆๆๆ โผล่ทีเป็นต้น อืมๆ ชอบตอนควิดดิชด้วย ที่ตอนเด็กคิดว่ากฎยุ่งยาก มาอ่านอีกทีตอนนี้ เอ้อ ก็ไม่นี่หว่า อืม ชอบ ชอบที่ เฮอไมโอนี่เอาไฟสีฟ้ามาใช้ เสก คือมีการ setup เรื่องนี้ก่อน ในคืนก่อนหน้าควิดดิชแล้วด้วยไง ที่สามคนมาเล่นกันกลางสนามอะไรแบบนี้ เป็นเหมือนการปูความเป็นมิตรภาพที่เกิดขึ้น (show don’t tell, show the scene they do activities together = they start to feel for each other as their friends) จน connect มาที่การเสกไฟใส่จารย์สเนปน่ะนะ (โทษนะอาจารย์! แต่หนูเฮอไมนี่เค้ารักเพื่อนอ่า) นั่นแหล่ะ จนแฮรี่ จับสนิชได้เข้าปาก แล้วก็หลุนๆๆ ไปโผล่ที่บ้านแฮกริดเฉย ก็เออ เห็นการ cut scene, merge scene ที่แบบ เออ ถามว่าดูปุปปับ ก็ใช่นะ แต่ว่าแบบ มันก็ต้องทำเพื่อให้ story keeps moving อ่ะใช่ เห็นแบบนี้ เราว่า การวางแผนยิ่งสำคัญเลย การที่เรา มองภาพใหญ่ไปเล็ก สร้างอีเว้นต่างๆขึ้น แล้วก็เชื่อมโยงสิ่งต่างๆหากัน จากนั้นแต่งหน้าเค้กด้วย รายละเอียด สถานที่บ้าง ความมหัศจรรย์บ้าง ความตลกบ้าง หรือมีการเชื่อมตัวละครหากันบ้างเช่น แฮรี่ที่กำลังอ่านหนังสือควิดดิชที่จานมักกอนนากัลมาดึงตัวไป (หนังสือได้จากเฮอไมโอนี่ เห็นป่ะ เป็นการ simplify events and characters and merge them together! so smart JK!) จนนั่นแหล่ะ หนังสือโดนริบด้วยจานสเนปอีก! คือ ทุกอย่างเลยแน่นไง เพราะเราวนเวียนตัวละคร เหตุการณ์ โลก อยู่แค่ไม่กี่ที่นี้ ซ้ำๆๆๆ ซึ่งเราว่ามันสำคัญมาก โดยเฉพาะกับเล่มแรกแบบนี้ ที่ต้องเน้นการ introduction น่ะ โอเคพอก่อน ประมาณนี้ฮะ วัดสัก (ที่ไม่ใช่ ลี จอแดน) ขอลาไปก่อน โดยไม่มีการแทะโลมสตรี หรือบุรุษใดๆ (อ๊ะ ในภาพประกอบอาจจะมีหน่อยนะ หาดู อุอิ) done at 5:09pm