วันที่ 3 ของตารางเรียน วันนี้เรียนวิชา Short Film จาก Project City

8:27am วันนี้จะมาแบบสั้นๆหน่อยครับ เมื่อวานมีออกงานสังคม คือไปงานแต่งงานแล้วก็ไปเจอเพื่อนตอนเย็น ก็เลยได้ทำอะไรน้อย ก็ถือว่าทำหน้าที่มนุษย์โลกที่ดีแล้วกันครับหนึ่งวัน จริงๆวันนี้ก็มีเพื่อนมาบ้านอีกด้วยครับ ก็หวังว่าจะชวนกันทำงาน ก็ผมก็ชวนเพื่อนมาให้เที่ยวเล่นบ้านเองด้วยเนี่ยแหล่ะ แค่ต้องจับเวลาแล้วก็ให้มีเวลาพักอะไรแบบนั้นล่ะมั้งครับ จริงๆผมก็ค่อนข้างมีเวลายืดหยุ่นเพราะฝึกฝน เรียน ทำงานอยู่ที่บ้าน ก็แค่จัดแจงเวลาเอาแล้วกัน ตาม routine table ที่วางไว้หลังบ้าน ไม่ต้องรู้สึกเฟลขนาดนั้นครับ เมื่อวานผมได้ทำเพิ่มอนิเมะไปนิดหน่อย เริ่มจากอันนั้นเพราะสำคัญสุด แต่ไม่ได้เรียนคลาสพาลมีครับ แล้วก็ไปกะทำตีมนิดหน่อยที่ข้างนอกแต่สุดท้ายก็ล้มพับไป แค่ได้รู้เพิ่มว่า มี YouTube ที่สอนเรื่องการทำตีมด้วย เหมือนเห็นว่าฉากหลังมันจะเป็นค่อนข้างจัตุรัส Chat Background น่ะครับ ค่อยไปเปิดดูใหม่อีกทีดีกว่า เริ่มจากตรงนั้นก็ดี จะได้ไม่ปวดกัวเกินไป แต่ว่าวันนี้จะสลับมาทำงานพี่สาวครับ เดี๋ยวแชร์ให้ดูงานอนิเมะเมื่อวานนิดหน่อย แล้วก็งานวอร์มเช้านี้ครับ

เช้านี้ก็คิดอีกแล้วว่าตัวเอง spread yourself thin ด้วยการทำหลายอย่างหรือเปล่า แต่ก็คิดว่า ทำไปก่อน ตามตารางถึงสิ้นเดือนค่อยว่ากัน ปล่อยให้ความสงสัยเป็นความสงสัยไว้ ประมาณนั้น ลงมือทำอีกเรื่องครับ ตอบไม่ได้หรอกจริงไหม นอกจากจะหันหลังกลับมาดูหลังจากที่เราทำไปแล้ว ใช่ คำถามเรามันเป็นคำถามที่ตอบไม่ได้ยังไงล่ะ

จะ doubt ตัวเองก็เชิญครับ แต่ต้องห้ามหยุดลงมือทำตามแผนไปด้วย นี่คือประเด็นที่ผมจับได้เช้านี้ (เช่น doubt อีกว่า ควรจะลดเหลือทำแค่ animate and storyboard ดีไหมเป็นต้น ไม่อ่ะ เราจะต้องทำตามแผนไปดีแล้ว วาดคน ไม้หัวก็สำคัญ งานอื่นด้วยน่ะ หาตังค์ก็สำคัญใช่ เลิกคิดเรื่อง CalArts ได้แล้วด้วย เราต้องสร้าง Watsak Arts ขึ้นมาเองแล้วก็ มั่นใจ follow your own school เนี่ยแหล่ะใช่)

วันนี้เริ่มคิดเรื่อง storytelling มากขึ้นเวลาวาดโพส พอดี นางแบบที่ดูล่าสุด เราคิดว่า เรายังไม่เห็น acting จากเค้าเท่าไหร่ เราเลยต้องพยายาม push เค้าออกมา นึกภาพว่าถ้าเป็นนักวอลเลย์ แล้วจะยังไง ทำอะไรคิดอะไร แต่ก็ทำให้คิดว่า เราควรจะพุช หรือว่า adapt ท่าทางขนาดไหน ถ้าทำมากไป ก็จะไม่ใช่สิ ไม่งั้นจะดูเรฟศึกษาไปทำไม ต้องการแค่ storytelling pose inspiration ก็ไม่ใช่จริงไหม เราอยากจะได้สังเกต การ วางของมือเป็นยังไงได้บ้าง การทับซ้อนของอวัยวะเป็นยังไงได้บ้าง ดังนั้นสุดท้ายก็ Classic Solution อีกแล้วครับ ก็คือ ครึ่งๆ compromise คือหัวนึงก็ดูแบบเพื่อศึกษาร่างกายมนุษย์ ศึกษามิติ ทิศทาง ขนาดใช่ (คำอาจารย์อ้วน สองเรื่องในการวาด ขนาด และ ทิศทาง)​ แล้วก็อีกหัวเราก็ต้องปล่อยให้ creative juice มันไหลด้วย คือถ้าเกิดว่าแบบเค้ามาแล้วเราไม่ inspire นึกเรื่องราวไม่ออก ไม่เข้าใจว่าเค้ากำลังทำอะไรคิดอะไร ก็เป็นหน้าที่ของเราในฐานะศิลปินที่จะต้องใส่ อารมณ์ ความคิด ชีวิต ลงไปให้ตัวละครครับ อืมๆ ประมาณนั้น

สองเรื่องจากการเพิ่มคีย์เฟรมนิดหน่อยเมื่อวานครับ

  1. อย่าลืม compromise การใช้แบบ เช่นตอนคพบบ หยุด แล้วเอี้ยวตัว เราจำเป็นต้องไปถ่ายตัวเองเดินเสมอตลอดทุกท่วงท่าเลยไหม มันเป็นไปได้ในการทำงานจริงไหม มันเสียเวลาไหม เราก็ต้องยอมที่จะใช้ จินตนาการตอนนี้ แล้วก็นึกภาพว่าคุณพ่อเบาบับจะเหลียวตัวยังไง แล้วก็​มั่นใจ ลองผิดลองถูก วาดลงไปเลยด้วย แต่ขณะเดียวกัน ตรงไหนที่ทำได้ไม่ยากไปเช่น ลุกขึ้นยืนลอง act it out ว่าเราจะเอี้ยวตัวประมาณไหน เราก็ควรจะทำ สรุปคือ ทำเท่าที่ทำได้ ในการหาสมดุลระหว่างการใช้เรฟ กับการจินตนาการและเชื่อคลัง figure drawings ที่เรามีในหัว

  2. พอได้วาดเต่าทองก็ดีที่ทำให้เรา simplify อย่าไปเยอะทุกจุดตรงนี้สนุกได้ เป็นตัวการ์ตูนได้ ไม่ต้องคิดมากก็ไม่ควรคิดมากใช่ โฟกัสสิ่งที่สำคัญสุดตอนนี้ก่อน ก็คือการทำภาพใหญ่ให้เสร็จไหม แล้วก็การอนิเมต เล่าเรื่องประมาณนั้น ดังนั้น เราคิดว่าสิ่งที่ทำได้คือ อยากให้เค้าหายใจสมจริงขึ้นกว่านี้ เรื่องของ timing มากกว่า แล้วก็เพิ่มเฟรม ซึ่งไม่สิ พวกนั้นอาจจะเป็นขั้นตอนการ refine, adding inbetween แล้วแหล่ะ ตอนนี้เราแค่ต้องใส่ key frames ก่อน ใช่ๆ (นึกถึงคลาส ของ Project City อันนั้นเรียนตอนไหนอ่ะ การอนิเมตเหรอ ไม่สิ แต่เราไม่มีวันให้การอนิเมตเพิ่มแล้วเต็ม คาโดวันนึง โทนิโกะวันนึงก็เยอะมากแล้ว (ไหนจะตำราหนังสืออีก) ดังนั้นเราว่า ถ้าสนใจ key frames class from project city เราก็ต้องเอามาศึกษาวันพุธนี่แหล่ะ ที่เป็นวันของ Short Film Study ซึ่งเปิดให้เราได้ศึกษาหลายๆเรื่องที่เติมเต็มหนังสั้นอนิเมชั่นให้สมบูรณ์เช่น คาชีท การเขียนบท ใช่ๆ เอาแบบนั้นแล้วกัน (นอกเรื่องหน่อย))

12:49am ก่อนจะเริ่มเซสชั่นทำงานแรกของวันขอมาแปะเพิ่มก่อน เพราะว่า work in progress matters! เมื่อวานที่บ่นว่าไม่ได้ทำตีมอะไรแบบนั้นที่จริงได้เริ่มลงมือสเก๊ตช์แล้วนิดหน่อยตามนี้ครับ เลยได้เรื่องราวว่าไม้หัวกำลังจัดสวนที่ริมระเบียงของห้องใต้ห้องนอนกันครับ

เช้านี้เลยนึกเรื่องราวต่อได้ว่า ต้นไม้ที่แต่ละคนเอามาปลูกก็คือตามนี้ครับ

  • ชายใหญ่: ต้นกระบองเพชร (สัญลักษณ์ของความอดทน แล้วก็ไม่ต้องดูแลมาก ชายใหญ่ยุ่งครับ มีงานบ้านให้จัดการเยอะแยะครับ)

  • หญิงใหญ่: ต้นดาวเรือง (ให้ความสวยงาม ไล่ศัตรูพืช แมลงแล้วก็งู)

  • ชายกลาง: ต้นมอสเตอร่า (ช่วยฟอกอากาศ ให้ร่มเงาตอนเค้าอ่านหนังสือ)

  • หญิงเล้ก: ต้นเดหลี (ได้ความมงคล)

  • ชายเล็ก: ต้นว่ายหางจระเข้ (ได้ประโยชน์นำมาทาแผลได้)

แล้วก็ได้ว่าในภาพนี้ จะเห็นหญิงใหญ่ที่เป็นครึ่งร่างมนุษย์ ครึ่งร่างพืชครับ ตั้งแต่ผมไปจะเป็นร่างหญิงใหญ่หัวพืชครับ เห็นเป็นเหมือนรากไม้แล้วก็ผมใบไม้คล้ายตำลึงครับ

Previous
Previous

วันที่ 4 ของตารางเรียน เกือบล้มตารางแล้ว

Next
Next

วันที่ 2 ของการมีตารางเรียน