花女

離しても、花をあげよ。(ฮะนะชิเตโมะ ฮะนะโอะอาเกโยะ)

着かなくても、匂いをするよ。(สึคะนะคุเตโมะ นิโออิโอะสุรุโยะ)

“อะเระ เจ๊ใหญ่แต่งเพลงอยู่เหรอครับ” ชายกลางกล่าว พร้อมเดินหอบหนังสือ Cabaret of Plants หนังสือเล่มใหม่สัญชาติอังกฤษที่ง่วนอ่านตั้งแต่เช้าจนพลบค่ำ เดินตามเสียงฮัมเพลงของพี่สาว จากบริเวณโถงบันไดกลางบ้านเข้ามาในห้องนอนชั้นบน

“ใช่จ้ะ” หญิงใหญ่ตอบพลางหมุนดอกไม้ที่เธอถืออย่างทะนุถนอมอยู่ในมือ เพื่อให้ดอกไม้ได้ส่งกลิ่นหอมต้อนรับน้องชาย “อ่านจบไปกี่เล่มแล้ว”

“นี่เพิ่งเล่มที่สองครับ กลางมัวแต่อ่านมูมินอยู่หลายรอบครับ” ชายกลางตอบพี่สาวนักร้อง “หอมจังเลย! กลิ่นมาจากไหนครับเนี่ย” ชายกลางค่อยๆบรรจงวางหนังสือเล่มหนาไม่มากไม่น้อยลงบนพื้นห้องเสมือนพ่อครั่วที่ค่อยๆตอกไข่ด้วยความระมัดระวังไม่ให้ไข่แดงแตก ทำหน้าฉงนไปพลางอิ่มเอมไปพลาง เค้าหันซ้ายทีแล้วก็ขวาที

“ดอกไมโครโฟนจ้ะ” หญิงใหญ่ตอบน้องชายด้วยความเอ็นดูความลังเลสงสัยของน้อง “พี่ใหญ่โชคดีได้มาจากคุณป้าต้นที่พักอยู่ตรงกระถางหน้าบ้าน กระถางที่อยู่ติดต้นส้มจิ๋วถ้าพี่ใหญ่จำไม่ผิด แกบอกว่าดอกไม้นี้เป็นดอกไม้พิเศษ แค่เราจินตนาการถึงสิ่งที่เราชอบ ดอกไม้ก็จะกลายร่างเป็นเครื่องมือเพื่อส่งเสริมสิ่งที่เราชอบนั้น แกบอกว่าเห็นพี่ใหญ่ดูเฉาๆ แกเลยอยากจะให้พี่ใหญ่สดชื่นพร้อมยื่นดอกไม้นี้ให้ ตั้งแต่กลับจากลอนดอน พี่ใหญ่เพิ่งจะได้มีโอกาสงบสติอารมณ์ แล้วก็เลยนึกถึงการร้องเพลง พอพี่ใหญ่ลองร้องเพลงลงไปที่เกสรดอกไม้ เสียงพี่ใหญ่ก็เหมือนมีฟิลเตอร์ เอคโค่ดีมากเลยจ้ะ พี่ใหญ่ก็เลยนึกครึ้ม แต่งเพลงญี่ปุ่นซะเลย ถือเป็นการทบทวนไปด้วย”

“สุโก้ย! เจ๊ใหญ่ร้องให้ผมฟังหน่อยได้มั้ยครับ" ชายกลางขอร้องพี่สาว ระหว่างที่เดินเข้าไปใกล้จุดที่พี่สาวนั่งอยู่ ความทรงจำในอดีตสมัยที่พี่หญิงใหญ่ร้องเพลงปลอบขวัญให้เค้าฟังในคืนที่ฝันร้ายจากนิยายสยองขวัญก็ผุดขึ้นเหมือนกับฟองอากาศที่พุ่งขึ้นจากก้นขวดน้ำอัดลม เค้ารู้สึกคิดถึงเสียงร้องของพี่สาวเพิ่มขึ้นไปอีก

“ได้สิจ๊ะ” หญิงใหญ่ “พี่ใหญ่จำได้ว่าพี่ใหญ่เคยสอนภาษาญี่ปุ่นให้เราอยู่ จำได้มั้ยว่าฮานะแปลว่าอะไร” หญิงใหญ่ถามชายกลาง

“จมูกครับ” ชายกลางตอบ พลางหัวเราะขบขัน “แล้วก็ดอกไม้ครับๆ ผมเดาว่าเจ๊ใหญ่น่าจะถามถึงความหมายนี้”

หญิงใหญ่ยิ้ม “เซไคเดส ถูกต้องจ้ะ เพลงนี้พี่ใหญ่เล่นคำว่าฮานะที่แปลว่าดอกไม้ กับฮานะซุ ที่แปลว่าแยกให้จากกัน เพราะว่าพี่ใหญ่นึกถึงช่วงเวลานี้ที่เราอาจจะต้องถูกแยกให้ห่างจากคนรัก แต่อย่างน้อย เราก็สามารถส่งความรักถึงกันได้ แล้วความรักของพี่ใหญ่ก็มาในรูปแบบของเสียงเพลง ผ่านดอกไมโครโฟน”

ชายกลางเงยหน้ามองพี่สาวอย่างตั้งใจ พร้อมๆกับหย่อนก้นลงนั่ง ปุ้ก

“พี่ใหญ่เพิ่งแต่งไปได้สองประโยค ใจความก็ประมาณว่า ถึงเราจะไกลห่างกันแต่ฉันก็จะขอส่งดอกไม้นี้ไปให้ แล้วถึงแม้นว่ากระทั่งดอกไม้ก็ยังถูกส่งไปไม่ได้ อย่างน้อยกลิ่นหอมก็จะโชยไปถึง” หญิงใหญ่เล่าเรื่องราวของบทเพลงที่เธอเพิ่งคิดขึ้นเมื่อครู่ให้น้องชายฟังอย่างใจเย็น ราวกับเรื่องเล่านี้เป็นประหนึ่งทำนองเปิดของบทเพลง เธอทอดสายตากลับไปที่บ้านหลังใหญ่ด้านนอก ที่สาดแสงไฟสีส้มออกมาจากหน้าต่างสองบาน ตัดชัดกับสีน้ำเงินของท้องฟ้ายามเย็น

ชายกลางชายตามองไปยังจุดหมายสายตาของพี่สาว ซึ่งกำลังเดินทางผ่านบรรยากาศของความรัก แล้วจึงฉีกยิ้มอยู่ในใจ “อ้าา นี่คือคำขอบคุณของวันนี้สินะ พี่หญิงใหญ่กำลังขอบคุณเพื่อนบ้านที่เป็นเสมือนกำลังใจให้กันและกันอยู่” ทันใดนั้นสุ้มเสียงอันไพเราะของพี่หญิงใหญ่ก็กังวาลขึ้นมาอีกระลอก ชายกลางหลับตาลง วาดมือเข้าโอบเข่า แล้วความพิเศษของค่ำคืนก็กลับมาทำงานอีกครั้ง

9BE281F9-F887-4BC0-9F87-421046702B95.JPG
Previous
Previous

WFH

Next
Next

ไข่นี้มีบุญคุณอันใหญ่หลวง