Chernobyl
12:22pm ผมชายใหญ่เองครับสวัสดี วันนี้ก็มาจนได้วันที่น้องชายกลางของผมทนไม่ไหวแล้วที่จะต้องคอยฟังเรื่องราวจากหนังของผมเพราะว่าเค้ายุ่งมากช่วงนี้กับกองดองกองหนังสือเนินโตที่ยังเคลียร์ไม่เสร็จ ทำให้ผมต้องมาเปิดอีกเพจเพื่อเขียนระบายสิ่งที่ผมได้จากหนังซีรีส์ช่วงนี้ที่พี่ทองเอาแต่ง่วนทำงานสนพ.ของเค้า ง่วนอู้ด้วยมั้ยนะ ไม่ๆ วันนี้เราจะไม่ลงทัณฐ์พี่ทองกันครับ วันนี้วันเสาร์ เอาล่ะ วันนี้จะมา SPOILER ALERT! dialogue ส่วนนึงจากตอนสุดท้ายของมินิซีรีส์จาก HBO เรื่อง Chernobyl ครับ มันทำให้ผมเสียน้ำตา จงหอยด้วย นั่งดูอยู่กับผมร้องไห้จนเกือบจะสำลักกล้วย ดีที่ว่าลูกที่กินมันสุกมาก (จนเกือบเสีย) มันเลยลื่นลงคอได้ง่ายหน่อย มันเป็นบทพูดระหว่าง Boris กับ Valery ตอนก่อนที่ Valery จะขึ้นให้การในเซสชั่นสุดท้าย
******************************************************************
“ผมใช้เวลาเสียเปล่า เสียเปล่าโดยไม่ได้อะไรเลย”
“ไม่ได้อะไรเลยเหรอ”
“จำเช้าที่ผมโทรหาคุณเป็นครั้งแรกได้ไหม คุณเห็นไหมว่าผมไม่กังวลเลย ผมไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่เครมลินบอกนัก พวกเขาบอกให้ผมจัดการเรื่องการทำความสะอาด และบอกว่ามันไม่ร้ายแรง ผมก็เชื่อ รู้ไหมว่าทำไม”
“เพราะพวกเขาตั้งคุณมาดูแลเรื่องนี้ไง”
บอริสพยักหน้า
“ผมเป็นคนที่ไม่สำคัญอะไร วาเลรี เป็นแบบนั้นมาตลอด ผมหวังว่าสักวันผมจะเป็นคนสำคัญแต่ไม่เลย ผมได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ คนคนนั้น”
วาเลรีส่ายหน้าแล้วก็พูดว่า
“นักวิทยาศาสตร์แบบผมยังมีอีก พวกเขาทุกคนสามารถทำสิ่งที่ผมทำได้ แต่คุณ… ทุกอย่างที่เราขอ ทุกอย่างที่เราต้องการ กำลังคน เครื่องไม้เครื่องมือ รถสำรวจดวงจันทร์ ใครจะหาของพวกนี้มาให้ได้อีก พวกเขาได้ยินผม แต่พวกเขาฟังคุณ (They heard me, but they listened to you.)”
“ในบรรดาคณะมนตรี ในบรรดาท่านรองทั้งหลาย… ในบรรดาไอ้โง่หัวอ่อนทั้งสภา… พวกเขากลับส่งคนที่ดีคนเดียวมาให้เราอย่างไม่ตั้งใจ ให้ตายเถอะ บอริส… คุณนั่นแหละคือคนที่สำคัญที่สุด”
แล้วบอริสก็หยิบหนอนน้อยขึ้นมาจากกางเกง
“มันงดงามมากเลย”
******************************************************************
ถามว่าผมได้เรียนรู้อะไรจากบทสนทนานี้ คงจะเป็นความยิ่งใหญ่ของการเป็นผู้สนับสนุนคนอื่นอยู่เบื้องหลังล่ะมั้งครับ การที่บางทีคนเราให้พลังคนอื่นอย่างอ้อมๆโดยที่เจ้าตัวเองบางทีก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ บางทีเราต้องได้ยินเสียงจากคนที่มองเราจากข้างนอกตัวเรา เพื่อจะได้เข้าใจว่าจริงๆแล้วเรามีคุณค่าหรือทำประโยชน์อะไรมากเพียงใด จริงอย่างที่วาเลรีว่า เค้าอาจจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ในมุมมองของ บอริส วาเลรีดูท่าจะฉลาดมาก สามารถจะค้นหาคำตอบอะไรหลายอย่างได้ สามารถแก้โจทย์อะไรที่บอริสเองอาจจะไม่สามารถเข้าใจได้ลึกซึ้งขนาดนั้น แต่ถ้าถามกลับว่าให้วาเลรีไปหารถสำรวจดวงจันทร์ เค้าก็คงไม่รู้ว่าเสียงของเค้าจะดังมากพอให้คนที่มีอำนาจฟังเค้าหรือเปล่า แสดงให้เห็นว่าบางที ความสามารถอาจจะไม่ได้อยู่แค่เรื่องของ ความรู้ มันอาจจะเป็นเรื่องของความน่าเกรงขาม เรื่องของ ความน่าเชื่อถือ ความเคารพยำเกรงด้วย บารมีตรงนี้ ก็เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน เราไม่สามารถจะมองข้ามข้อดีที่แตกต่างกันของมนุษย์แต่ละคนได้เลย เห้อ มันช่างสวยงามจริงๆ ผมต้องขอตัวไปอบข้าวโพดคั่วก่อนล่ะครับ นี่วางแผนจะเปลี่ยนไปดูการ์ตูนจากพิกซาร์อีกหลายเรื่อง อยากดูเรื่องที่พี่ทองครหาว่าไม่ชอบอย่าง Brave กับ Good Dinosaur แล้วก็เรื่อง Onward ด้วย สวัสดีตอนบ่ายครับ ขอให้ทุกท่านจงมองเห็นคุณความดีในแบบของตัวเอง