Week 1 | Day 4 of 7 | 25 days left
7:36am เช้านี้ตื่นเช้าตั้งแต่หกโมงกว่าล่ะมั้ง เหมือนจะฝันเรื่องคนเก่าๆอีกแล้ว เห้อ คงได้เอามาใส่ในเพลงหรือว่าหนังสั้นไม่ช้าก็เร็ว หรือว่าคงสักวัน ตะกี้ตอนแรก็ตื่นมาซึมเศร้าหน่อยๆ อาจจะเพราะอากาศด้วย สุดท้ายก็กลั้นใจ เปิดสารคดีบน Disney Plus ที่เป็นการทำงานของพิกซาร์ ตื่นเต้นโคตรๆๆๆแล้ววันก่อนตอนที่เห็นครั้งแรก คิดในใจว่า อย่างน้อยมันคงทำให้เราได้แรงบันดาลใจบางอย่าง ตรงนี้ก็ตลกนะสำหรับตัวเรา เพราะหลายทีมันก็ยากสำหรับเราที่จะเปิดใจหรือว่าให้ออกจากอารมณ์ความคิดอะไรบางอย่าง คือเหมือนตัวเองมันกำลังสู้กัน คนนึงก็อยากเจอสิ่งใหม่ อีกคนก็อยากจะฝังตัวเองให้เป็นเหมือนเดิมสภาพเดิมต่อไป แต่ยังดีที่ว่าช่วงนี้เริ่มเข้าใจตัวเองว่าเริ่มทีละหน่อยก็ยังดี แล้วเพราะว่าหนังมันประมาณสิบนาทีกว่า ก็เลยลองดูก็ได้ ซึ่งก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ถึงแม้ว่าจะมีบางอย่างที่ดูไปแล้วเกิดความคิดต่อต้านเช่นว่า การทำงานของเค้าดูจะเป็นทีมหลายคนทำงานร่วมกัน แต่เราคิดว่าเราทำงานคนเดียวถนัดกว่า แต่ในขณะเดียวกันเราก็ได้เห็นมุมมองอีกด้านหนึ่ง ได้ดูเกี่ยวกับตอนแรกที่เป็นเรื่องของการเขียน ซึ่งก็พอดีกับที่ตอนนี้กำลังเขียนอยู่กับที่อ่านทาง e-book ได้เห็นว่า co-writer Kemp Powers เข้าไปช่วยคิดว่าทำยังไงให้ตัวละครเอกของเรื่อง soul หรือว่า Joe Gardner รู้สึกสมจริงมากขึ้น สุดท้ายคือเค้าใส่ฉากของการตัดผมเข้าไปเพื่อแสดงให้เห็นถึงชุมชนของชาวผิวสี แล้วเหมือนจะไปประสบการณ์โดยตรงของเค้าด้วย ก็ทำให้เห็นถึงการรีเสิร์ช เอาว่าสุดท้ายสิ่งที่ inspired สุดก็คือการทำให้เราอยากมาทำงานของเราเนี่ยแหล่ะ แล้วก็กลับมา ‘ลงมือทำ’ มากกว่านั่งจ่อมจมกับความคิดเฉยๆ แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว
ต่อที่ Animated Storytelling จาก Liz Blazer ดีกว่า 15 นาที 7:47am ตอนนี้
รีแค็ป เมื่อวานเรากำลังจะคิด tagline กันแต่ว่าเค้าให้เราคิด elevator pitch ก่อนด้วยการคิดถึงสองสิ่ง
สิ่งแรกคือ โทน ของงานของเรา อยากให้คนดูรู้สึกยังไงหลังดูจบ
ซึ้งใจ
ได้แรงบันดาลใจ
ได้อะไรบางอย่างกลับไป
ได้มุมมองใหม่ๆ
ต่อมาคือเค้าให้เราเขียน พล็อต ของเรื่องออกมาใน 1-2 ประโยค พล็อตก็คือการหาว่าเรื่องราวของเราเกี่ยวกับอะไร Plot is what the story is “about.”
“หญิงใหญ่เอาเวลาจากพี่น้องกลับมาให้ตัวเองร้องเพลงลงประกวดโซเชียลรูทส์ แต่สุดท้ายคนที่มาไลค์ให้เธอก็พี่น้องของเธอเอง”
แอบโน้ตเพิ่ม ก็คือหญิงใหญ่พยายามจะพิสูจน์ตัวเองให้โลกทั้งโลกยอมรับ เนื่องจากเธอเข้าใจว่าความสำเร็จมาจากการยอมรับจากคนอื่นข้างนอก แล้วเธอก็มองว่าการที่เธอจะทำแบบนั้นได้เธอต้องทุ่มเทเวลาให้สักสิ่งอย่างให้มากพอ จนเธอต้องเสียสละเวลาจากพี่น้องของเธอออมา ท้งๆที่เธอไม่ชอบที่จะต้องปฏิเสธเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเธอก็เรียนรู้ว่าจริงๆแล้วคนที่มาไลค์ให้เธอกลับเป็นคนใกล้ตัวของเธอเสียเองที่เธออาจจะไม่ได้เห็นค่า ไม่สิ โอ้ยงง เลิกเขียนก่อน มันจะมาโยงกับ self love ยังไงนะ ก็คือเธอต้องการอะไรกันแน่ ความสำเร็จ ความรัก การยอมรับ ความสุข
ภายใต้ พล็อต จะมี ตีม อยู่ ตีมคือแมสเสจลึกๆที่อยู่หลังเรื่องราวของเราที่เราอาจจะไม่ได้วางแผนไว้เลยด้วยซ้ำ เขียนตีมออกมาหลายๆตีม what you story is “really about.”
เช่นสำหรับ Jaws, อาจจะเป็น “man versus nature,” “fear of the unknown,” or “human vulnerability.”
theme can be interpreted in many ways, so you can make whatever interpretation suits you as long as it makes sense to your story.
A simple love story may end up being really about cowardice or about gratitude.
It’s up to you to identify what your piece is “really about” deep down
มีความรู้สึกว่าเราจะคิดเรื่องธีมมาก่อนพล็อตด้วยซ้ำนะ เหมือนคิดเรื่องธีมอยู่ตลอดเวลามากกว่า
ตอนนี้ก็ให้ว่าธีมคือเรื่องของการ รักตัวเอง คือเรื่องของ insecurity น่ะ คล้ายๆว่าทำไมต้องไปลงโซเชียลเพื่อเรียกร้องความรักหรือการยอมรับจากใครด้วย เป็นเรื่องของ self-acceptance มั้งนะ น่าจะแคบลงมามากว่า self-love เรื่องของ self-assurance น่ะ หรือว่า self-esteem? การแบบไม่ต้องเรียกร้องใคร แต่ว่าเราให้การยืนยัน ให้ความมั่นใจกับตัวเองด้วยตัวเองน่ะว่าเราดีพอ เก่งพอ self-assurance น่าจะตรงที่สุดตอนนี้ พอก่อนเลยเวลามาแยะแล้ว (around 26 minutes) ไปแอบหาเพิ่มมามันคือเรื่องของ ความมั่นใจในตัวเอง ล่ะมั้งนะใช่ self-confidence!!! เมื่อเธอมีความมั่นใจหญิงใหญ่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องร้องเพลงเก่งเพื่อให้ใครมาชื่นชมแต่อย่างใด แต่ก็เพียงร้องเพราะเธอมีความสุขที่จะร้อง แล้วเมื่อนั้น ดอกชบาก็จะโบยบานอีกครั้ง
ไม่ได้การละรู้สึกว่าเขียนไอเดียไว้ในนี้ทั้งหมดแล้วมันไม่เห็นภาพยังไงไม่ทราบ เดี๋ยวต้องเอาพวกคีย์เวิร์ดออกมาเขียนไว้บนบอร์ดหรือกระดาษอะไรแบบนั้นแปะผนังไว้