ตัวตน ต้นไม้

01FDFD7E-7189-462C-BDA5-F539E412067F.jpeg

“พี่ทองไม่ไปทานเอ็มเคก่อนเหรอครับ ไม่หิวเหรอครับ” ชายเล็กถามผมด้วยความเป็นห่วง เค้าเพิ่งพาน้องหนอนเข้านอน น้องหนอนเค้านอนไวครับ ตั้งแต่ประมาณสองทุ่มก็จะคลานกลับไปยังที่พักใต้เครื่องแอร์ของเค้า “ไว้เราอ่านหนังสือกันก่อนดีกว่าชายเล็ก พี่ยังไม่หิวมากครับ นี่พี่ก็เพิ่งเจอมรสุมอารมณ์อีกแล้ว ตะกี้แวะเข้าไปเล่น Instagram อีกจนได้” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามเต็มที่ที่จะดึงสติกลับมาอยู่ที่ปัจจุบัน

“อยากเล่าให้เล็กฟังก่อนที่เราจะอ่านหนังสือกันมั้ยครับ” ชายเล็กถามผม “ก็ไม่มีอะไรหรอก จริงๆพี่ก็เกิดไอเดียอยากลองไลฟ์โชว์หนังสือให้ทุกคนดูว่าตอนนี้พี่กำลังจะอ่านอะไร แต่ว่าพี่รู้สึกเหนื่อยมาก ไม่รู้เพราะอะไร เหมือนเราต้องเอาตัวเองออกไปสู่สาธารณชนละมั้ง พี่คงถนัดคุยกับมนุษย์แบบหนึ่งต่อหนึ่งมากกว่า มันก็เป็นความย้อนแยงล่ะมั้งนะ อยู่คนเดียวก็เหงา แต่ว่าพอต้องออกไปคอนเน็กกับโลกกว้างก็จะรู้สึกประหม่าแล้วก็เหมือนโดนสูบพลังสุดๆไปเลย”

“ต่างจากเวลาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติเลยใช่มั้ยครับ” ชายเล็กถามผมแบบรู้ใจ “ผมจำได้พี่ทองเคยบอกครูที่เรียนที่ Royal College of Art ที่ลอนดอน ตอนที่เค้าถามว่าตอนงานโปรเจคสอง ทำไมพี่ทองเลือกที่จะดึงเอาเรื่องของ nature หรือว่า ธรรมชาติ ที่อยู่ในเมืองลอนดอนมาเป็นหัวเรื่องในการสร้างงาน จำได้มั้ยครับ พี่ทองมาเล่าให้พวกเราฟังเองคืนนั้น เพราะต้องกลับมาแก้ essay ยกใหญ่ พี่หญิงใหญ่ช่วยเกลาหลายรอบเลย” ผมละประทับใจจริงๆ กับเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ชายเล็กเค้าจำได้หมดจริงๆครับ

“จำได้สิ พี่บอกไปว่าเพราะว่าธรรมชาติเค้าไม่ตัดสินพี่ละมั้ง พี่เลยรู้สึกเหมือนว่าไม่มีอะไรมากดดัน รู้สึกว่าใจสงบดี” ผมพูดมาถึงตรงนี้ก็เริ่มจับได้แล้วว่าจริงๆมันไม่น่าจะมาจากใครที่ไหนหรอก ความคิดผมเองเนี่ยแหล่ะที่ทำงานมากเกินไปจนตามไม่ทัน

“งั้นก็ลองจินตนาการว่าเพื่อนๆทุกคนใน Instagram เป็นธรรมชาติมั้ยครับ คิดซะว่าเพื่อนๆในนั้นเป็นต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ พี่ทองอาจจะรู้สึกเบาสบายขึ้น” ผมตกใจเล็กน้อยที่น้องชายต้นนี้ให้คำแนะนำคล้ายๆกับเพื่อนผมคนนึงซึ่งผมเคยปรึกษาเธอว่าทำยังไงดีเวลาประหม่าท่ามกลางคนเยอะๆ แล้วเธอก็บอกแบบนี้ บอกว่าคิดซะว่าทุกคนคือต้นไม้สิ “น่าสนใจมาก ไว้พี่จะลองดูนะ” ผมบอกน้อง “พี่จะคิดว่าทุกๆคนเป็นต้นลิท็อปส์หลายหลายสีสันละกัน คิดแล้วก็อยากกินขนมกลีบลำดวนเลยทีนี้”

“เอาล่ะๆ หมดเวลาจิตตกแล้ว ได้เวลาของงานสร้างสรรค์อีกรอบ พี่ว่าพี่คงจะอ่านออกเสียง เพราะว่าพี่ยังรู้สึกว่าสมาธิตัวเองตอนนี้ยังอ่อนมาก ถ้าอ่านในหัวพี่ต้องไปไม่ผ่านหน้าแรกแน่ๆ เล็กนั่งฟังไปนะครับ แล้วก็บอกพี่ได้นะตรงไหนที่ติดหรือว่าแปลไม่ออก ตัวพี่เองก็มีคำที่แปลไม่ออกเยอะ เล่มนี้ใช้ภาษาค่อนข้างยากนิดนึง” ชายเล็กตอบรับแล้วก็เคลียร์พื้นที่บนโต๊ะผมก่อนนะนั่งลงอย่างเรียบร้อย แล้วผมก็เพิ่งเห็นว่าเค้าพาใบไม้มาด้วย ผมเกือบลืมไปเลยว่าชายเล็กเค้าสามารถคุยกับต้นไม้ (หรือว่าส่วนหนึ่งของต้นไม้ก็ตาม) ได้ “ผมเอาใบไม้มาช่วยฟังด้วยครับ เพราะบางทีเผื่อผมเกิดคำถามหลังจากคุยกับพี่ทองเสร็จ ก็จะได้ไปนั่งถกเรื่องราวต่อกับใบไม้ครับ” ชายเล็กบอกผม

“เอาล่ะ จริงๆเล่มนี้ The Cabaret of Plants โดย Richard Mabey เนี่ย พี่ก็เริ่มอ่านไว้ตั้งแต่ตอนอยู่ที่อังกฤษแล้ว จำได้ว่าหน้าแรกเลยมีการอ้างอิงไปถึงรูปภาพประกอบที่แปลกประหลาดในแบบน่ารักๆที่ทำให้พี่ต้องไปศึกษาต่อถึงศิลปินคนนั้น Edward Lear ซึ่งเค้าจะเป็นศิลปิน นักเขียน ที่มีผลงานอยู่ในหมวดของ Literary Nonsense ซึ่งพี่เดาว่าก็คงประมาณว่าวรรณกรรมไร้สาระ ประมาณนั้นรึเปล่า ซึ่งงานวาดเค้าที่เป็นต้นไม้ที่มีคนงอกออกมาตรงบริเวณดอกไม้แทน โดนใจพี่มากๆ ไหนจะชื่อดอกไม้อีก ชื่อว่า Manypeeplia upsidownia ซึ่งมาภาพวาดซีรีส์พรรณไม้ที่มีทั้งต้นปลา ต้นหมู โอ้ย ชายเล็กวาดต้นพี่ทองให้ดูหน่อยได้มั้ย พี่อยากเห็นว่าชายเล็กจะวาดออกมาเป็นยังไง” ผมถามน้อง “ได้สิครับ งั้นผมขอฟังไปวาดไปนะครับ” ผมคิดถึงตอนตัวเองนั่งทำงานสติกเกอร์แล้วก็ฟังพ็อดแคสไปด้วย “เย่ๆๆๆ ได้สิๆชายเล็ก” ผมรู้สึกขอบคุณที่จริงๆแล้วน้องก็คงตั้งใจมานั่งเป็นเพื่อนผมมากกว่าจะต้องลงลึกกับเนื้อหาอะไร เพราะจริงๆเล็กเค้าก็เป็นนักปฏิบัติครับ ถ้าเค้าอยากรู้ว่าต้นนี้ต้นนั้นเป็นยังไง เค้าก็จะลองปลูกเลย หรือไม่ถ้ามีคำถาม ก็โน่นครับ เพื่อนสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยมากมายที่เค้าจะไปถามเอาความรู้จากพื้นที่จริง

ชายเล็กจึงเริ่มออกฝีไม้ลายมือสร้างงานศิลปะบ้าง ช่วงที่อยู่ลอนดอนเค้าฝึกฝีมือกับหญิงเล็กบ่อยครับ วันไหนที่ผมไปเรียน เค้าก็จะจูงมือกันไปเสก็ตต้นไม้ใบหญ้าที่ใน Kensington Garden อยู่บ่อยๆ จำได้ว่ามีคนเดินผ่านมาเห็นภาพของเค้าแล้วก็ขอซื้อไปด้วย เค้ามันจะวาดอะไรที่ผมก็นึกไม่ถึงเสมอ

ผมค่อยๆอ่านไปทีละบรรทัด พยายามที่จะใจเย็นๆ แล้วก็นึกถึงคำพูดของครูที่ RCA จำได้แม่นเลย ตอนนั้นพวกเราโดนให้อ่านเหมือนบทความทางวิชาการสักอย่าง เพื่อจะได้มาถกเถียงกันต่อในคลาส ผมจำได้ว่าผมบอกครูไปว่าผมอ่านไม่ค่อยเข้าใจ เค้ายิ้มตอบมาเลยว่า ไม่เห็นต้องเข้าใจเลย เค้าก็ยังมีหลายส่วนที่ไม่เข้าใจ ผมก็เลยปล่อยวางได้มากขึ้นเวลาที่เจอบางส่วนที่ไม่เก๊ท แล้วผมก็ผนวกกับสิ่งที่ได้ฟังจาก readery podcast จำได้พี่โจ้เคยบอกว่าให้ลองอ่านให้ช้าลง อ่านเป็นคำๆ มากขึ้น ผมก็เลยค่อยๆไปมาก แล้วที่ขาดไม่ได้ช่วงหลังของการอ่านก็คือจะขีดเส้นไปด้วยครับ

เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง แล้วผมก็ปิดหนังสือ “เอ้ออ อย่างน้อยก็อ่านจบไปในส่วนเกริ่นนำละว้า ดีจังๆ” ผมพูดให้กำลังใจตัวเอง ชายเล็กก็กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ กับผลงานของตัวเอง “ได้อะไรบ้างครับพี่ทอง” ชายเล็กถาม ผมไม่กล้าเหลือบตาไปมองงานวาด เพราะผมชอบเซอร์ไพรส์แล้วก็จะรอให้น้องแสดงงานเองดีกว่า “ก็คล้ายๆกับว่าเค้าบอกประมาณว่า เราหยุดที่จะมองหรือตั้งคำถามกับต้นไม้ให้เป็นอะไรที่มากไปกว่าแค่ทรัพยากรทางเศรษฐกิจ หรือว่าแค่ของประดับเพื่อความสวยงาม ประมาณนั้น แล้วเค้าก็เริ่มเรื่องย้อนไปถึงสมัยงานศิลปะผนังถ้ำที่ในยุโรปตอนใต้ ประมาณว่ามนุษย์ถ้ำต้งแต่สมัยนั้นแล้ว ก็จะเน้นวาดแต่อะไรแบบควายไบซัน มากกว่าจะมาวาดต้นไม้ใบหญ้า ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะว่าพวกพืชพรรณอาจจะโดนให้ค่าเป็นของสำหรับบริโภคมากกว่าสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงความคิด” ผมพยายามมองกลับมาที่ตัวเองว่า เรามองต้นไม้ว่าเป็นยังไง เห็นเค้าได้ลึกว่าความงามภายนอกหรือไม่ เราได้สะท้อนความคิดปรัชญาอะไรกับพวกเค้าบ้างหรือเปล่า “น่าสนใจจังครับ ตอนนี้ผมจะให้พี่ทองตั้งคำถามกับภาพนี้ว่าเป็นต้นอะไรละกันครับ ฮ่าๆ” ชายเล็กพูดติดตลกแล้วจึงโชว์รูปให้ผมดู

Previous
Previous

Self-Doubt

Next
Next

กลางไงจะใครเล่า