กลางไงจะใครเล่า
จริงๆไม้หัวแต่ละต้นเค้าก็จะมีเรื่องที่ถนัดแตกต่างกันน่ะนะครับ อย่างหญิงเล็กก็จะเป็นต้นที่ค่อนข้างจะ Spiritual แปลเป็นไทยว่าอย่างไรดี เอาเป็นว่าเป็นต้นที่ค่อนข้างจะมีความฝักใฝ่ในเรื่องของโลกภายใน เรื่องของจิตใจ ผมก็จะคอยปรึกษาเค้าเช่นเวลาที่รู้สึกว่านั่งสมาธิแล้วคิดว่าตัวเองนั่งได้ไม่ดีเท่าไหร่ ฟุ้งซ่านอยู่เยอะ อะไรพวกนี้น้องเค้าก็จะให้คำแนะนำผมได้ (ตอบผมสั้นๆว่า นึกถึงคำสอนพระไพศาลคะ) หรืออย่างน้อยชายกลางนี่ ต้นนี้ก็เป็นนักอ่านตัวยงครับ อ่านหมดทุกอย่าง แล้วก็จำเก่งด้วย ผมก็เพิ่งถึงบางอ้อไม่นานมานี้ว่าจริงๆเค้ามีตัวช่วยคือปล่องผมบนหัวเค้าที่ทำหน้าที่ช่วยถ่ายทอดความทรงจำ เอาเป็นว่าแต่ละต้นเค้าก็จะมีความชำนาญแตกต่างกันไป แต่สิ่งนึงที่น่ารักมากๆคือ เค้าคอยแชร์ความรู้ความถนัดให้กันด้วยนี่สิครับ ที่ผมประทับใจมาก
“ไม่เป็นไรครับพี่ทอง เวลาก็เป็นแค่สิ่งสมมติจริงไหมครับ” แล้วนี่ก็เป็นประมาณหนึ่งตัวอย่างที่ผมรู้สึกว่าตัวเองคุยกับหญิงเล็กอยู่หรือเปล่าซึ่งจริงๆแล้วเป็นน้องกลางที่ทักทายผมหลังจากที่ผมเข้าห้องหลังจากทานอาหารเย็น แล้วก็ล้างจานแบบย้ำคิดย้ำทำจนเสร็จ “เล็กเล่าให้ผมฟังอยู่ครับ เรื่องอาการโอซีดีที่พี่ทองมันจะเป็นเวลาล้างจาน ต้องล้างแล้วล้างอีก เสียเวลานานโข” ชายกลางพูดด้วยสีหน้าที่ไม่ได้เป็นห่วงอะไรมาก อารมณ์ประมาณคุณหมอที่บอกอาการของโรคเป็นครั้งที่ไม่รู้เท่าไหร่แล้วกับคนไข้ โดยที่ไม่ทำสีหน้าหวาดกลัวให้เราต้องจิตตกไปด้วย “ทิ้งมันไปนะครับ ผมก็มีนะ เวลาหลายๆทีเวลาอ่านหนังสือแล้วเกิดสมาธิมันไม่มีช่วงนั้น ผมก็จะอ่านวนไปวนมาซ้ำอยู่นั่นที่บรรทัดเดิม แต่ผมก็จะพยายามไม่สนใจ พอรู้ตัวสุดท้ายก็เดินหน้าต่อ อ่านไปต่อเท่าที่ทำได้ กลับมาที่ปัจจุบัน พูดแล้วก็นึกถึงหนังสือของ Eckhart Tolle เรื่อง The Power of Now เมื่อวานกลางก็ได้มีโอกาส reread พอดีเลยครับ จริงๆอาจจะเพราะหนังสือก็ได้นะครับ ที่ทำให้กลางได้ฝึกสติ สมาธิ อยู่กับตัวอักษรอยู่บ่อยๆ” ชายกลางเอ่ยถึงหนังสือโปรดของผมอีกเล่ม ซึ่งผมก็คงยังต้องเก็บเค้าไว้ในคลังก่อน เพราะมีหนังสือเล่มใหม่ๆให้ต้องอ่านอีก ตามเป้าหมายที่เขียนไว้อาทิตย์นี้ก็คือเล่มมูมิน
“ลืมเรื่องเวลาไปก่อน แล้วก็มาอ่านมูมินกันดีกว่าครับ” ชายกลางเดินเขย่งก้าวกระโดดอ้อมแมคบุ๊คของผมไปหยิบเอาหนังสือเล่มโตขนาดใหญ่กว่ากระดาษ A4 ซึ่งเป็นหนังสือเล่มที่ 3 ประจำกองดอง ซึ่งผมลงโน้ตมูจิไว้กับพี่ใหญ่ชายว่าจะต้องอ่านให้จบภายในอาทิตย์นี้ “ล่าสุดพี่ทองอ่านไปถึงตอนเจอตัวละครใหม่ Stinky แล้วใช่ป่ะครับ ตลกมากเลยตัวนั้น ตัวเหม็นมาก ถ้ามาบ้านเราผมจะเอาน้ำหอมพี่แอ๊นท์ฉีดให้เค้าตัวหอมเสียหน่อย ฮ่าๆ (เค้าขำมุกตัวเองจนปล่องหัวส่ายไปมา) วันนี้เรานัดเป็นบัดดี้อ่านหนังสือกัน ระหว่างที่พี่ทองอ่านเล่มนี้ กลางจะอ่าน อะไรดีน้า เล่มนี้ละกัน The Moral Narratives of Hayao Miyazaki ที่พี่ทองหอบมาจากอังกฤษ เผื่อเป็นไอเดียให้กลางร่วมเขียนหนังสือกับพี่ทองบ้าง วันนี้ผมก็ได้ยินพี่ทองร้องเพลง Country Road จากเรื่อง Whisper of the Heart ของจิบลิพอดีเลย เอาละ แยกย้ายกันไปอ่านแล้วมาคุยกันนะครับ Hey Siri, set a timer for 30 minutes please” แล้วสิริก็ตั้งเวลาให้ (เป็นไปได้ยังไงกันนะ ในเมื่อเป็นเสียงชายกลาง)
“แงชายกลาง สามสิบนาทีแล้ว พี่ยังไปไม่ถึงไหนเลย ขอเวลาเพิ่มได้มั้ยๆๆๆ” ผมร้องกระวนกระวายบอกน้องชายซึ่งตอนนี้น่าจะกำลังจินตนาการว่าตัวกำลังโดยสารอยู่บนรถเมล์แมวเหมือนในหนังการ์ตูนของจิบลิเรื่องโทโทโร่เพื่อนรัก “ฮ่าๆ ผมให้อีกสิบห้านาทีละกันครับ เท่าไหนเท่านั้นพี่ทอง อย่าลืมครับ ไม่เอา perfection ครับ Hey Siri, set a timer for 15 minutes please.” “OK, 15 minutes and counting.”
แล้วเวลาก็หมดไปอย่างรวดเร็ว ผมสารภาพว่าผมไม่ได้ตั้งใจอ่านต่อเนื่อง เพราะระหว่างที่อ่านก็จะมีความคิดผุดขึ้นมามากมาย ก็ไอเดียเกี่ยวกับงานเล่าเรื่องของผมเนี่ยแหล่ะครับ ตอนนี้ผมวาดฝันไว้เรียบร้อยว่าอยากจะออกเหมือน Comics หรือว่า Graphic Novel (เดี๋ยวต้องไปถามหญิงเล็กแล้วเรื่องนี้ เธอน่าจะตอบได้แม่น เพราะตอนนี้เธออ่านเล่ม Understanding Comics นำผมไปแล้วมั้งครับ) คือที่ผ่านมาตั้งแต่ตอนกักตัว ยังจำได้แม่น 19 มีนา นี่ก็ผ่านไป 6-7 อาทิตย์ได้แล้วซึ่งผมก็เขียนบล็อกมาทุกวัน เริ่มจากไอเดียการเขียนเพื่อขอบคุณสิ่งที่บ้านบางใหญ่ให้ผมกับน้องไม้หัว จากนั้นก็เขียนแนวทดลองไปเรื่อย ซึ่งเนื้อหาก็จะมาจากแต่ละวันของผมเป็นหลักนี่แหล่ะครับ แต่ตอนนี้ผมเริ่มจะปะติดปะต่อธีม (เป็นกรอบครอบไว้หลวมๆพอครับ) สำหรับเล่าเรื่องต่อไปได้แล้ว ซึ่งมันจะเป็นหนังสือ (ซึ่งก็รวบรวมมาจากบล็อกนี้อีกที) เกี่ยวกับ การเรียนรู้ตัวเอง หรือ Self-Actualization ไปกับไม้หัวห้าพี่น้อง โดยแต่ละต้นก็จะเดินทางผ่านการเรียนรู้ร่วมไปกับผม (พร้อมปลดปล่อยเรื่องราวสุดแสนพิสดารคาดไม่ถึงไว้ด้วยระหว่างทาง ไหนจะกลไกการดูดความฝันของสมเสร็จ หอยทากพเนจรหายไปไหน ยูนิคอร์น(หน้าเหมือนสุนัข)จะบินพาพวกผมขี่มังคุดระยองฮิยักษ์ไปเจอหนอนนุ่มนิ่มมโหฬารบนเมืองเมฆสีคล้ำเมื่อไหร่ หรือว่าประสบการณ์ความรักของหญิงใหญ่กับหนุ่มบอนไซจากแดนอาทิตย์อุทัยจบลงได้อย่างไร นั่น!! น่าอ่านไหมครับ)
วันนี้ก็เป็นวันแรกเริ่มเปิดประเดิมที่ดี ถึงแม้สักครู่นี้ ผมก็แอบ (แอบบ่อยจังครับคุณ) ไปเปิดฟังเพลงตัวเองร้องอยู่หลายรอบ หลังจาก Siri บอกหมดเวลา ที่ผมจะใช้บล็อกบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องเล่าที่ผมอ่านเจอมาจากมูมิน “ชายกลางจ๋า พี่พร้อมแล้ว” ว่าแล้วก็เรียกหาน้อง “ฟังเพลงจบแล้วเหรอครับพี่ทอง นี่ผมเห็นว่าพี่ทองก็ไม่ได้ร้องเพลงเลสลี่มานาน คงคิดถึงเค้า เลยให้ไปฟังก่อน มาครับ อ่านมูมินแล้วได้อะไรบ้าง” ชายกลางถามเข้าประเด็นทันที
“พี่เพิ่งรู้ว่าเรื่องมูมินตลกมาก ตลกแบบพี่ถึงกับขำออกมาเลย พี่ว่าน่าจะมาจากความโก๊ะๆของมูมินแล้วก็รวมไปถึงการดีไซน์หน้าตาท่าทางของคาแรกเตอร์ด้วย ที่พี่รู้สึกว่ามันขำ จริงๆเรื่องนี้ก็โชคดีนะที่ขำ หมายถึงว่า จุดขำของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันใช่ม้า” ผมตอบน้องชาย “ดีจังครับ แล้วมีตรงไหนของเนื้อเรื่องอีกที่พี่ทองชอบครับ เอาที่เนื้อเรื่องก่อนนะครับ เรื่องของความสวยงาม ดีไซน์ การวาด กลางว่าเล็กน่าจะได้คุยกับพี่ทองอีกที” ชายกลางบอกผม “ถ้างั้นก็คงเป็นมุกตลกแบบพิสดารๆเนี่ยแหล่ะ อย่างเช่นมีตัวละครนึงชื่อ Stinky อ่ะ *ระวังสปอยนะครับ* พอมูมินให้เข้าบ้าน มีการไปกินบ้านเค้าด้วย! มีเอาเกลือมาเหยาะเก้าอี้กินอ่ะ ตลกมากเลย พี่นึกไปถึงการ์ตูนญี่ปุ่นอย่าง Rave หรือว่า ครอบครัวตัว ฮ. อะไรที่ขำประมาณแบบนี้พี่จะชอบมาก อะไรที่มัน เอาตรงๆนะ ไร้สาระ ไปเลยเนี่ย ชอบมาก พี่ว่ามันเป็นความกล้าหาญมากๆนะ ที่จะใส่เรื่องราวอะไรที่มันไม่ make sense เอาเสียเลย เพราะมันค่อนข้างจะต้องต่อสู้กับตรรกะของเรามาก ซึ่งพี่ก็เห็นความดีงามของมันอยู่นะ เพราะหลายทีมันก็สามารถแสดงเอาความรู้สึก หรือว่าต้องการที่ฝังอยู่ลึกๆในระดับจิตสำนักของเราออกมาได้เหมือนกัน มันก็มีประโยชน์พี่ว่า เพราะมันเป็นการท้าทายเราแบบนึงนะถูกมั้ย ทำให้เราต้องใช้ความคิดละทีนี้ พอเจอกับเรื่อง ไม่คาดฝัน มันเมือนความคิดเราโดยเย้ย ประมาณว่าคิดว่าที่นายรู้น่ะมันใช่ทั้งหมดแล้วจริงรึ อะไรแบบนั้น แล้วเราก็จะได้ไปคิดต่อได้อีก ทำไมถึงมีตัวละครนี้มากินบ้านกินหลังคากันนะ หรือคล้ายๆนักเขียนกำลังบอกว่า ทุกๆการกระทำใดๆย่อมส่งผลอะไรบางอย่างตามมาเสมอ ก็เป็นไปได้ ( Stinky ได้รับเชิญมาบ้านมูมินเพราะเค้าตัวเหม็นครับ Sniff ที่เป็นเพื่อนมูมินออกอุบายให้ไปเชิญเจ้าตัวนี้มา เพราะที่บ้านมูมินมีแขกมาพักจนเต็มแน่นล้นไปหมด จนกระทั่งมูมินไม่มีที่นอนต้องมานอนนอกบ้าน ก็เห็นใจเค้านะครับ)” ผมยั้งตัวเองไว้ก่อน เพราะรู้สึกว่าพูดเยอะไปอีกแล้วพอเป็นอะไรที่อิน
“ฮ่าๆ ดีจังครับ กลางหลับฝันดีแล้วทีนี้ อีกคืนที่สมเสร็จได้พักผ่อนอีกคืนผมว่า เพราะพี่ทองอ่านลึกแบบนี้ กลางแฮปปี้แล้ว ต่อไปก็สู้ๆวาดภาพประกอบบล็อกนะครับ” ชายกลางเดินอ้อมแมคบุ๊ค ข้ามเตียง แล้วจึงปีนชั้นหนังสือสีขาวตัวขวาสุดขึ้นไปหกชั้น แล้วก็ปีนขึ้นไปนอนบนตุ๊กตาเฮ็ดวิก “ขอบคุณนะชายกลาง กู๊ดไนท์ครับ” ผมบอกเพื่อนนักเล่าของผม