วันที่ 2 ของแผนพอร์ต 15 - 20 jan ‘23
7:11am เหลืออีกหกนาทีกว่า เริ่มที่เจสเจอร์เช้านี้ครับ
เมื่อวานก็วันแรกที่เริ่มแผนทำพอร์ตล่าสุด คือเว้นเรื่องอื่นอย่างไม้หัวโชว์กับ project city หรือว่าการเตรียมเรียนสตอรี่บอร์ด อย่างการฝึกวาดต่างๆไว้ก่อน โฟกัสที่การทำพอร์ตหางาน เพื่อหาเงินได้แล้ว กับสตูผ่าน LinkedIn แล้วก็ส่งตรงสามสตูในใจครับตอนนี้ ซึ่งก็แบ่งหลักสองส่วนคือ ส่วนเบสิคอนิเมชั่นเป็นชิ้นๆ ซึงเรียนจากไฟล์โทนิโกะ มีดูเลคเชอร์ด้วย (เริ่มมีอยากเปิดหนังสือ ใจเย็นก่อนนนน) แล้วก็อีกส่วนเป็นการกลับไปคลีนงานอนิเมตเป็นเรื่องๆของเราครับ (จะเปิดไฟล์ได้ไหมนะ ต้องจ่าย harmony อีกไหมเนี่ย โน่วววว) เอาว่าเมื่อวานเช้าก็ไปเรียนที่คาโดกาว่าก่อนเช่นเคยครับ ได้ฝึกวาดเดินกับวิ่ง ได้ฝึกวาดด้านหน้ามาด้วย ยังไม่ได้วาดแบบปปทีฟ แต่ไว้ก่อนแล้วกัน
ส่วนตอนบ่ายเย็นกลับมาบ้านก็มีฟังเลคเชอร์โทนิโกะ นิดหน่อย แล้วก็ทำเดินต่ออีกหน่อยครับ
เลคเชอร์เรื่อง
believable action มีพูดถึงว่าให้คิดว่าตัวละครเราใช้ส่วนไหน lead the action อันนี้น่าสนใจ ไม่เคยคิดขนาดนั้น เค้ายกตัวอย่าง หัวก็นำได้ บางทีอาจจะแขน หรือว่า สะโพกเป็นต้น เป็นเรื่องของการสร้าง momentum จากส่วนของร่างกาย ค่อนข้างเป็นไอเดียใหม่มากๆ จะเข้าใจจริงๆก็ต้องได้เปิดทวน แล้วก็ทำตามแหล่ะครับ ถือว่ามาฟังไว้คร่าวๆก่อนแล้วกัน
overshoot and mini anticipation พูดถึงการใส่เฟรมก่อนหน้าหรือว่าหลังเลยไปหน่อย เพื่อให้เกิดความ snappy ในงานมากขึ้น เกิด power and weight ประมาณนั้น เหมือนตอนที่ทำแบบฝึกตอกตะปูน่ะครับอืม
อันนี้เป็นการเดินแบบปกติทางซ้ายแล้วก็แบบแฮปปี้หน่อยทางขวาครับ พอดีกับที่เรียนเรื่องนี้ที่คาโดกาว่าเลย มีเรื่องการ บิดตัว ทีทำให้ต้องสังเกตมากขึ้น
ออ แล้วก็มีงานเขวี้ยงบอลวันก่อนด้วยครับ ที่เพิ่งได้ทำเสร็จ ผมว่ามันดูดีเพราะว่า timing จากโทนิโกะเนี่ยแหล่ะ ซึ่งตรงนั้นมันเริ่มจากการศึกษาจากแบบจริง ซึ่งผมก็ไม่ได้ทำตรงนั้น แต่ก็ระลึกรู้ไว้ แล้วก็ด้วยเรื่องของการย่อย keyframes and slow in and slow out and time chart ด้วยตรงนี้ เลยทำให้งานดูสมจริง
ตกดึกไม่ไหวจะอนิเมตแล้วก็ไปหยิบหนังสือ story from mckee มาอ่านครับ ได้เข้าใจเรื่อง scene นึงจะต้องมี story event เกิดขึ้น แล้วก็ หลายๆ scene ประกอบเป็น sequence น่าจะประมาณนี้นะ อ่านไปง่วงไปนิเห็นไหม
ป.ล. ซื้อหนังสือมาเล่มนึงด้วยเมื่อวาน เทพนิยายกริม ครับ เพิ่งรู้ว่าเค้าเป็นเหมือนนักภาษาศาสตร์พี่น้อง ชาวเยอรมัน ช่วยกันรวบรวมนิทานพื้นบ้านจากเยอรมันจนได้สองร้อยกว่าเรื่อง เพิ่งรู้ว่าอย่างเรื่อง Beauty and the Beast gets its inspiration from the Lady and the Lion