วาด-เต้น/เส้น^แสดง~
สวัสดี ตอนนี้เราอยู่ที่ร้านเบี่ยงเบี่ยง ไม่แน่ใจว่าอ่านถูกมั้ย ภาษาอังกฤษชื่อว่า Xi’An Biang Biang Noodles (พร้อมเสียง แป๊ง! เหมือนกระทะจากในครัวตก) วันนี้เราจัดสรรเวลาให้เป็นวันสำหรับการวาดอีกครั้ง เราว่างไง ต้องคอยหากิจกรรมทำ ช่วงนี้ระหว่างรอกลับเมืองไทย ตลกดีนะ บางทีเราก็มั่นใจเหลือเกินว่าเราจะมีชีวิตได้ถึงวันนั้น กับเหตุการณ์ปกติๆแบบนี้ วันนี้เราไปร่วมกิจกรรมที่เรียกว่า Draw to Perform (สามารถค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมได้ที่ www.drawtoperform.com) เป็นการวาด หรือการขีดเขียนดีกว่า เราชอบที่จะใช้คำให้กว้าง เพื่อหลีกหนีจากการจำกัดความ ซึ่งหลายครั้งพาไปสู่ความคิดที่แคบและปิดกั้น ภาษาอังกฤษจะพูดว่า Mark-Making สมาธิน่ะนะ เราก็หวังว่าเวลาจะพามันกลับมา ไม่สิ เราคงต้องฝึกตัวเอง เรื่องของคนในอดีตก็ยังคงวนเวียนมาเป็นครั้งคราว แต่เรื่องเหล่านั้นจะเงียบไป แค่เรากลับอยู่กับสิ่งตรงหน้าเรานี้ ก็คือ ไอโฟน และ แป้นพิมพ์ กับท้องที่แน่นไปด้วยอาหารอร่อยๆ ชีวิตเราสั้น เราคงไม่สามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ทุกเรื่อง แต่เราก็ไม่ปิดกั้นหรือบังคับใจตัวเองไว้กับสิ่งบางสิ่งเช่นกัน เอาว่า เปิดรับด้วย แต่ก็โฟกัสด้วย งั้นเราต่อที่คลาสเมื่อครู่ นี่คือภาพที่เราเก็บมาได้ หมดเวลาพักละ ไว้เรามาใหม่ สวัสดี
ภาพด้านล่างนี้เป็นเซสชั่นแรกจากศิลปินชื่อว่า Ram Samocha ซึ่งก่อนที่เราจะได้เริ่มสร้างงาน ศิลปินก็จะสาธิตให้ดูก่อนว่าเค้ามีวิธีการวาดที่ผสมผสานกับการแสดงอย่างไร ศิลปินใช้เหมือนผง Charcoal ในการสร้างงาน มีการโรย การเป่า รวมถึงการใช้ลมหายใจพ่นลงไปในไมโครโฟน จากนั้นจึงเล่นเสียงที่บันทึกไว้ให้ดังออกมา ประกอบกลับไปในการสร้างงานต่อไป งานในลักษณะนี้ ทำให้เรารู้สึกเสมือนว่าเรากำลังดูการแสดงอยู่ มันสามารถดึงให้เรามาอยู่กับปัจจุบันได้อย่างดี เป็นการจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นในกระบวนการ มากกว่าการรอคอยผลลัพธ์อะไรบางอย่าง การใช้เสียงหายใจก็เป็นอีกอย่างที่เราสนใจ โดยที่ผ่านมา ถ้าจะพูดเรื่องของเสียง เราก็อาจจะเคยลองแค่ฟังเพลงไปด้วย วาดรูปไปด้วย แต่ไม่เคยคิดถึงโอกาสแบบนี้
ช่องถัดมาศิลปินคนที่สองคือ Matěj Frank เค้าเริ่มเซสชั่นโดยการสาธิต performative drawing ให้ดู โดยการวาดลงไปบนพื้นด้วยน้ำเปล่า โดยศิลปินใช้เหมือนเป็นนาฬิกาจับเวลา ที่มีเหมือนหนวดสองเส้นยื่นออกมา แล้วหมุนไปเรื่อยๆ เป็นแนวทางในการวาดเส้น
กิจกรรมที่ให้ทำเริ่มจากการวาดเส้นปกติ จากนั้นโจทย์คือให้พยายามวาดเส้นที่ต่างไปจากเดิม แล้วจากนั้นก็ให้ต่างไปจากเดิมอีก เป็นการกระตุ้นให้เราคิดนอกกรอบ แล้วจากนั้นก็เป็นการวาดโดย collaborate กับเพื่อนร่วมคลาส บางช่วงก็เป็นการขีดเส้นที่ไขว้ผ่านกัน บางช่วงก็เป็นการขีดเส้นไปด้วยกัน โดยบางจังหวะก็อาจจะมีการแลกเปลี่ยนบทสนทนากัน ว่าใครจะไปก่อนใครจะลากตาม ในบางจังหวะก็เป็นการใช้ความเงียบในการสื่อสารแทน
ช่วงต่อมาก็คือการวาดส่ิงของที่ซ่อนอยู่ภายในกล่อง มือหนึ่งสัมผัส อีกมือวาด เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดดีเพราะว่าเราต้องทำการเชื่อมประสาทสัมผัสผ่านการรับรู้ที่แตกต่างกันเข้าด้วยกัน ซึ่งแน่นอน จุดประสงค์ในการวาดไม่ใช่เพื่อให้เหมือนจริงอีกต่อไป แต่เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกหรือความคิดที่เกิดขึ้นจากประสาทสัมผัส ในกิจกรรมนี้ก็เช่นกัน ที่ศิลปินได้สับเปลี่ยนโจทย์ในรูปแบบต่างๆ บ้างก็ให้เราวาดด้านนอกกล่อง บ้างก็ให้เราวาดภายในกล่องแต่อีกมือถือสิ่งของที่สามารถมองเห็นได้ บ้างก็ให้เราวาดโดยหลับตาลงทั้งหมด
ในช่วงเย็นของวัน เราก็เจอกับศิลปินคนสุดท้ายซึ่งเป็นผู้หญิง Maria da Luz Ghoumrassi ซึ่งแสดงการวาดโดยมีหัวข้อเกี่ยวกับพระจันทร์ เราได้ทดลองใช้ร่างกายในการสื่อสาร ใช้การเต้นไปตามจังหวะดนตรี ช่วงหนึ่งศิลปินก็จะให้เราเต้นโดยใช้ร่างกายส่วนต่างๆเป็นเสมือนพู่กัน นำท่วงท่าของเรา ไม่ว่าจะเป็นมือ นิ้ว แขน บ่า ก้น สิ่งที่ได้เรียนรู้คือการใช้ความคิดเพื่อสร้าง prompt หรือโจทย์ ที่แตกต่างออกไปจากเดิม ซึ่งสามารถนำไปสู่การค้นพบที่ต่างไปจากเดิมเช่นกัน รวมถึงอีกช่วงที่น่าสนใจคือการใช้ลมหายใจของเราเข้าร่วมเป็นเครื่องมือในการเต้น หลายทีที่รู้สึกเขินอาย แต่นั่นก็คือเมื่อเราเริ่มใช้ความคิดในการตัดสิน พอรู้ตัวแล้วปล่อยตัวเองกลับสู่ความเคลื่อนไหวในปัจจุบัน ความคิด ความกลัว ความอับอาย ก็จะหายไป เหลือเพียงแค่ความต่อเนื่องที่เกิดขึ้นของร่างกายเราเท่านั้น อย่างหนึ่งที่เราเรียนรู้คือ เพียงแค่การขยับร่างกายในท่วงท่า หรือทิศทาง ที่ไม่เคยทำมาก่อน เราก็จะเกิดแรงบันดาลใจอะไรบางอย่าง หรือเกิดความรู้สึก แปลกใหม่ ในลักษณะที่ทำให้ทัศนคติที่มีในจังหวะนั้นๆเหมือนจะขยายออกในช่วงจังหวะหนึ่ง เรารู้สึกปล่อยวางมากขึ้น ปล่อยวางกับคำตัดสิน กับ Inner Critic รวมไปถึงปล่อยวางเส้นแบ่งระหว่างศาสตร์ในแขนงต่างๆ ว่าอะไรคือการวาด อะไรคือการแสดง การใช้เทคนิคเช่นการ จินตนาการ เช่นขณะหนึ่งศิลปินให้เรานั่งลงที่พื้นแล้วจินตนาการเหมือนว่าเรามีรากไม้ที่งอกผ่านร่างกายเราปักลงไปในพื้น หรืออีกขณะหนึ่ง เมื่อศิลปินให้เราสามารถจะแสร้งทำเป็นวาดลงบนอากาศด้วยการออกท่าทาง โดยไม่จำเป็นต้องวาดลงบนกระดาษจริงๆ เหล่านี้ก็เป็นแบบฝึกหัดที่เปิดการเชื่อมต่อระหว่าง ความคิด และ ประสาทสัมผัส ในลักษณะที่ไม่คุ้นเคย แต่เมื่อทำแล้วกลับรู้สึกสดชื่นและเป็นอิสระ อาจเพราะเป็นการปลดปล่อยตัวเองออกจากกรอบความคิด หรือการกระทำบางอย่างก็เป็นได้