รักกันคนละแบบ
“เอาล่ะ!” ชายใหญ่ตะเบ็งเสียงดัง เพื่อให้น้องๆทุกคนได้ยิน “ในช่วงเวลาคับขันแบบนี้ ที่พี่ทองอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราต้องถูกกักตัวอยู่คนเดียวอย่างเดียวดาย”
“สันโดษมากกว่านะครับ” ชายกลางขัดจังหวะพี่ชายใหญ่ด้วยน้ำเสียงที่ไม่แข็งไม่อ่อน พร้อมเงยหน้าขึ้นมาจาก Kindle “ถ้ากลางจำไม่ผิด จากที่ได้ไปอ่านบล็อกพี่ทอง พี่ทองเค้าน่าจะมองว่าสิ่งที่เค้าเป็นตอนนี้คือความสันโดษมากกว่าครับ เป็นช่วงเวลาที่เค้าจะได้ใช้เวลาเต็มที่ให้กับการอยู่กับตัวเอง เพื่อสร้างสรรค์งานเขียน แล้วก็อ่านหนังสือด้วย” ชายกลางเผลอเล่ายาวกว่าที่เค้าตั้งใจไว้
“โอเคครับน้องกลาง สันโดษก็สันโดษตามนั้น” ชายใหญ่พยักหน้าให้น้องชาย กระแอมนิดหนึ่ง แล้วจึงพูดต่อ “พี่ว่าเวลานี้เป็นเวลาที่พวกเราห้าพี่น้องไม้หัว จะต้องรักษาตัวเองให้แข็งแรง ทั้งกายและใจ เพื่อเราจะได้ช่วยสนับสนุน และให้กำลังใจพี่ทองได้อย่างเต็มที่”
“จะว่าไป…” น้องชายเล็กขัดจังหวะพี่ชายใหญ่ขึ้นมาคราวนี้ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจ “เรื่องของการสนับสนุน หลังจากที่เราคุยกันเมื่อคืน ตอนที่เราเห็นขาพี่ทองแดงไปหมด เพราะยุงกัด ชายเล็กไปคุยกับเหล่ายุงแล้วนะครับ ว่าเลือดพี่ทองไม่อร่อยหรอก ปล่อยพี่ทองเค้าไปเถอะ แต่ก็ไม่รู้ว่าเหล่ายุงเค้าจะฟังรึเปล่า ผมรู้สึกแย่จังเลยที่ช่วยไม่ได้เท่าไหร่” น้ำเสียงชายเล็กค่อยๆเบาลง “ไม่เป็นไรจ๊ะชายเล็ก” พี่หญิงใหญ่ซึ่งนั่งอยู่เบาะเดียวกันปลอบน้องชาย “ขอบคุณชายเล็กมากที่พยายามสื่อสารกับเหล่ายุงให้พวกเรา พี่หญิงใหญ่ก็รู้ว่ายุงที่นี่ค่อนข้างจะคุยด้วยยาก เพราะว่าพวกเค้าบินเร็ว เรามาช่วยกันเตือนพี่ทองให้สั่งซื้อสเปรย์กันยุงเพิ่ม ก็เป็นอีกหาทางจ้ะ ส่วนแผลที่แดงนั้น ไว้พี่หญิงใหญ่จะลองไปหาสมุนไพรจากที่หลังบ้านมาทำยา แล้วไปแอบโปะที่แผลพี่ทองตอนพี่ทองเค้าหลับจ้ะ” หญิงใหญ่บอกน้องชายคนเล็กของบ้าน “ใช่แล้วน้องชายเล็ก ไม่ต้องห่วงนะ พี่ชายใหญ่เข้าใจ ขอบคุณมากๆเลย” ชายใหญ่ส่งยิ้มให้น้องชาย แล้วจึงไล่สายตาไปที่ทุกๆคน “กิจกรรมที่พวกเราจะทำกันในบ่ายวันนี้ ระหว่างที่พี่ทองกำลังง่วนกับการสั่งซื้อหนังสือภาษาไทยมาอ่าน ก็คือ!” ชายใหญ่ชำเลืองตามองไปที่หญิงเล็ก “อุ่! ได้ค่ะ” แท่ดๆๆๆๆๆ หญิงเล็กรัวกลองด้วยสองมือบนเข่าของเธอ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะลักษณะพื้นผิวรากไม้ของหญิงเล็กหรืออย่างไร ที่เมื่อเวลาเธอตีเบาๆลงบนผิว ก็จะมีเสียง แท่ดๆๆๆ ที่ดังคล้ายๆกับการรัวกลอง “คือออ” แท่ดๆๆๆๆๆ หญิงเล็กรัวกลองเข่าเร็วขึ้นอีก “บันไดครับ”
ชายกลางเงยหน้าขึ้นมองจาก Kindle แล้วทำหน้าเสียนิดหนึ่ง “เอาจริงเหรอครับ” “จริงสิชายกลาง เราจะมาเดินขึ้นบันไดลงบันได ออกกำลังกายกันนั่นเอง” พี่ชายใหญ่ตอบน้องชายผู้ไม่นิยมการออกกำลังกาย “เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เดินตามพี่มานะทุกคน” ชายใหญ่ค่อยๆปีนลงจากโซฟาในห้องรับแขก โดยก้าวผ่านพนักวางแขน แล้วกระโดไปยังโต๊ะข้างๆ ก่อนจะเอียงกิ่งไม้หลบกรอบรูปครอบครัวของพี่ทอง แล้วจึงกระโดดลงไปบนพื้นเป็นอันจบพิธี ส่วนน้องๆที่เหลือก็กระโดดลงไปบน หมอนอิงที่ตกอยู่บนพื้น ก่อนจะกระโดดอีกรอบลงไปบนพื้น
“เราควรจะรู้สึกขอบคุณบันไดมากๆ จำได้ไหม เวลาอยู่ลอนดอน พี่ทองจะขึ้นบันไดทีละสองชั้นๆ ตลอดเวลาขึ้นจากรถไฟใต้ดิน พี่ทองเค้าเลยน้ำหนักลดลงไปเยอะ เดินตามพี่ชายใหญ่มานะทุกคน” ชายใหญ่เล่าเรื่องไปด้วยเดินไปด้วยเสมือนประหนึ่งเป็นมัคคุเทศก์ประจำบ้านบางใหญ่
เมื่อถึงบันไดขั้นแรก ชายใหญ่สาธิตการขึ้นบันไดให้น้องๆทุกคนดู แล้วจึงนำแถวค่อยๆปีนบันไดขึ้นไปทีละขั้นๆ โดยมีหญิงใหญ่ หญิงเล็ก และชายเล็กติดตามไปทีละขั้นๆ พอถึงชานที่เป็นที่พักครึ่งทาง ชายใหญ่จึงเพิ่งจะหันมาสำรวจดูน้องๆว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง “เอ้าเยี่ยมมากๆทุกคน ค่อยๆขึ้นมานะ” ชายใหญ่ยื่นหัวลงไปมองน้องๆทุกคน แล้วก็พบว่าชายกลางยังอยู่ที่ชั้นหนึ่งอยู่ “อ้าว ชายกลาง ยังไม่ขึ้นมาหรอออ” ชายใหญ่ตะโกนถามชายกลาง “กลางทำไม่ได้หรอกกกครับ มันสูงเกินไป กลางน้ำหนักขึ้นมากเลยช่วงนี้ ติดพุงแน่ๆ” ชายกลางตอบ ระหว่างนั้นน้องๆอีกสามคนก็ทยอยขึ้นไปถึงชั้นพักที่กลางทาง “พยายามหน่อยชายกลางงง ยังไม่ได้เริ่มเลย จะรู้ได้ยังไงว่าทำได้หรือไม่ได้ จริงไหมมม” ชายกลางตะโกนลงบอกน้องชายเพื่อให้น้องเกิดความฮึกเหิม แต่ดูท่าจะไม่มีผลเท่าไหร่ “พี่นำไปต่อก่อนแล้วนะะะ ถ้าชายกลางไม่ขึ้นมา เราก็จะโดนทิ้งอยู่ตรงนั้นนะะะ” พี่ชายใหญ่ตะโกนบอกต่อ หวังว่าจะช่วยกระตุ้นน้องชาย แล้วจึงนำขบวนต่อไป
“ว้าววว วิวสวยจังเลยครับ” ชายเล็กเอ่ยปากพร้อมชมวิวนอกบ้าน “นั่นบ้านตรงข้ามนี่ครับ คุณน้าบ้านนี้แกน่ารักมาเนอะครับ มีผัดไทกับส้มมาฝากพี่ทองด้วยวันนี้” ชายเล็กบอกกับทุกคน “เราต้องไปกันต่อแล้วล่ะทุกคน ไปนอนกำลังหัวใจเต้นแบบนี้ ได้ Cardio ดีมากเลย” ชายใหญ่พูดไปพลาง ปีนบันไดไปพลาง
“ชายเล็กชอบดูก้อนเมฆนี่นา ใช่มั้ยจ๊ะพี่หญิงใหญ่จำได้ เราพักกันตรงนี้สักครู่ก่อนก็ได้นะ ไม่ต้องรีบหรอกจ๊ะ ปล่อยพี่ชายใหญ่เค้านำไปก่อน” หญิงใหญ่เข้าใจความสุขของน้องชาย จึงยืนชมท้องฟ้าอยู่กับน้อง “ช่วงนี้ชายเล็กดูซึมๆนะจ๊ะ คงอยากให้พี่ทองกลับมามีชีวิตปกติสักทีใช่มั้ยพี่หญิงใหญ่รู้ เดี๋ยวเวลานี้ก็จะผ่านไปจ๊ะ เรามาทำเป็นกำลังใจให้พี่ทองกันนะจ๊ะตอนนี้” พี่หญิงใหญ่ปลอบขวัญน้องชายแล้วจึงเริ่มร้องเพลงกล่อมน้องชายไปพลางระหว่างที่ทั้งสองชื่นชมวิวทิวทัศน์ภายนอก
ระหว่างที่หญิงเล็กกำลังปีนตามพี่ชายใหญ่อยู่นั้น เสียงชายกลางก็ดังขึ้นมาจากด้านล่าง “ช่วยด้วยยย” ชายใหญ่และหญิงเล็กชะโงกหัวลงไปดู ก็เห็นน้องแมวกำลังค่อยๆย่องเข้าไปหาชายกลาง “ชายกลาง ปีนขึ้นมาเลย!” ชายใหญ่ตะโกนบอกน้องชาย “ไม่ไหวครับๆๆๆ ขาผมจะหมดแรงแล้ว ผมกลัวแมวมาก ช่วยด้วยๆครับ” ทันใดนั้นแมวก็คว้าชายกลางแล้วก็วิ่งหนีหายไป “ไม่ได้การแล้วค่ะ!” หญิงเล็กหันหน้าไปหาพี่ชายใหญ่ แล้วจึงกระโดดลงไปด้านล่าง แล้วก็วิ่งตามแมวไป
“ว้าวววววววว” เสียงชายกลางดังขึ้นมาอีกคราวนี้ แล้วชางใหญ่ก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อได้เห็นน้องสาวพลังจิตกางใบไม้พิเศษผมศีรษะเธอ เปลี่ยนเป็นปีกยักษ์ บินพาชายกลางขึ้นมาจากพื้นด้านล่าง “ขอบคุณมากนะหญิงเล็กกกก” ชายกลางบอกน้องสาวด้วยสายตาชื่นมื่นกับความอัศจรรย์ใจ “ยินดีค่ะ” หญิงเล็กบอกพี่ชาย
พอหญิงเล็กพาพี่ชายกลางบินขึ้นไปถึงจุดสูงสุด พร้อมๆกับที่พี่ชายใหญ่ปีนขึ้นไปถึงนั้น หญิงใหญ่ก็ร้องจบเพลงกล่อมชายเล็กพอดี ทั้งสองจึงค่อยๆปีนตามมา