วันนี้ได้คาเลนเดอร์ใหม่ จ๊าบมาก

1:46pm ทำตามแผน กรุงไทยแม่ แล้วก็ เงินๆๆๆ (คดก เคแบงก์ แล้วก็ หนี้พ่อแม่)

ขอ overview ก่อนบล้อกนี้จะเขียนอะไรบ้างก่อนลงมือเขียนไม่งั้นออกทะเลแน่

  1. เจสเจอร์เมื่อวานมีหญิงเล้กมาเยี่ยมแล้วก็วันนี้ใช้ bodeis in motion website (paid again!)

  2. อัพเดทไม้หัวอนิเมชั่น คพบบ ล่าสุด แล้วก็การสลับไปทำ like me please and chailek’s dream garden

  3. คอมโพสตัด ก็นอกจาก wbb / wbbb / ก็อยากสตั๊ด alice in borderland, pixar short films ด้วยน่ะ วันนี้สตั๊ดเป็น อะไรดีสรุปหา เดี๋ยวว่ากัน

  4. สิ่งที่ได้จากอลิซซีซั่นสอง เมื่อวานดูจบแล้ว

  5. งานสเก๊ตช์สองวันที่ผ่านมาด้วยตอนเย็นน่ะ

  6. เมื่อวานได้คุยกับ S.A.O ทักเรื่อง perspective, gesture drawing and human figure’s shape language

ประมาณนี้โอเคนะ เริ่มเลย

อย่างแรกก็เมื่อวานวาดเจสเจอร์เช้าประมาณนี้ครับ สุดท้ายไม่ได้แชร์ลงไอจี ไม่เอาอ่ะ ไม่ใช่ผมกลัว comfort zone อะไรนะ มันเสียสมาธิต่างหาก! อยู่ในป่าของเราดีกว่าครับ สร้างงานจากป่าเงียบๆของเราดีกว่า

ส่วนอันนี้ของวันนี้ครับ อันบนนี่คือ เริ่มเอาการลงสีมาผนวก ใช้สิ่งที่มี clip studio paint ครับดีมากจริง อันล่างนี่คือ จากการคุยล่าสุดกับ Chad from SAO เค้าบอกให้ลองดู line of action and bodies in motion website ซึ่งอันหลังคล้องกับที่เจย์เคยบอก ก็เลยตัดสินใจสมัครครับ มันได้เห็นท่วงท่า เผื่อได้ใช้ฝึกอนิเมตด้วย (โอ๊ย ใจเย็นนะ ตอนเช้าคุยกับตัวเองเรื่องอลิซก็อยากจะอนิเมต ไม่ได้ๆๆๆ ตอนนี้ทำได้มากสุดคือครั้งเดียวต่อวีคตอนวันอาทิตย์ครูปิ่นก่อนนะๆๆๆ)

เอาว่า กลับมาวาด 30 sec, 10 pictures so 5 mins เดี๋ยวพรุ่งนี้ลองดู อาจจะเพิ่มเซสชั่นที่แบบ นาทีนึงด้วยดีกว่า จะได้เหมือนตอนที่วาดกับ gesture drawing party เผื่อได้วาดไม้หัวพืช ไม้หัวคนด้วยน่ะครับอืมแล้วก็ ทำให้อยากไปดอ่าน walt การวาดเจสเจอร์สไตลืแบบดิสนีย์ ลักษณะเพื่อ performance / clarity / caricature ใช่ๆๆ การแสดงนี่จริงมากนะ อนิเมชั่นตะวันตก จะเน้นตรงนี้มาก เอาว่า เหมือนที่ Nick Sung said in sao demo vid too ใช่ๆ ซึ่งเรากำหนด ครึ่งชั่วโมง T TH ไว้แล้วสำหรับ Walt Stanchfield book ออใช่ Brittany from CGMA also talks about Walt’s books เราว่าเป็นตำราที่ควรให้เวลาจริงๆอืม

ป.ล. วันนี้ดีมากคือ ได้วางแผนก่อน วัน ตั้งแต่เมื่อคืนว่าจะทำอะไร (แม้ว่าจะเปลี่ยนแผนอยู่ดีอ่ะนะ แต่มันคือสารตั้งต้นให้เราต่อยอดความคิดต่อ)

โอ๊ยเหลือ ห้านาที เท่านั้น ต่อไปอัพเดทงาน คพบบ ล่าสุดครับ ก็ยังคงทำไปทีละส่วนๆครับ อันนี้ส่วนที่พ่อตื่นจากที่เพื่อนคุณพ่อแคคตัสละเมอเสียงดังครับ ตอนนี้พยายามไม่สนใจคำถามว่าควรจะทำ process ยังไง เอาว่าทำๆไปก่อนให้เสร็จ สุดท้ายก็คงตอบได้เอง ให้การทำเป็นตัวตอบ ว่าเราควรทำไปร่างไป หรือว่าคลีนหลังสุดอะไรพวกนั้นครับ แล้วก็ไม่ได้เน้นมากต้องเสร็จเมื่อไหร่ เน้นว่า เรารู้สึก ว่าพอ ประมาณนี้ดูก่อนครับ เรื่องนี้ ยังเปิดให้ตัวเองเต็มที่ได้อยู่ แล้วก็ที่บอกตอนแรก วันนี้จะมาทำ like me please แทนครับ สลับสามโปรเจคดีกว่า จะได้ตอบตัวเองได้มากขึ้นด้วยว่าในอนาคตต้องการไปทางไหนดี short film? movie feature? or tv show? ก็ทำไรไม่ได้นอกจากต้องลองทำ และะะะะ ทำให้จบ ดูครับ จะได้ตอบได้ จากประสบการณ์ตัวเอง ช่าย ถ้าตอบแล้วต้องคิด ผมว่าไม่รู้จริง ถ้าตอบโดยไม่ต้องคิด นี่สิ คือการตกตะกอนของจริงครับ วันนี้ lmp จะเริ่มจากการเอาบอร์ดมานั่งทบทวน reverse engineer เขียนเนื้อเรื่องออกมาไว้ก่อนครับอืม

ข้อ 3, 6 ไม่ต้องอธิบายไรมากมาย มาที่ ข้อ 4 เลยดีกว่า อลิซได้อะไร เอาสามอย่างหลักก่อนนะ

  1. ชอบฉากดราม่า dialogue ซีนตอนสุดท้ายมากๆ (spoiler alert from now ระวังสปอยนะครับ ถ้ายังไม่ได้ดูอย่าเพิ่งอ่านต่อนะครับ) คือตอนสุดท้ายจะพูดเยอะมาก ระหวัง อลิซ มิระ แล้วก็อุซางิ ซึ่งก็เหมาะ ใช่มากๆ กับด่านหัวใจ เพราะเป็นเรื่องจิตวิทยา เรื่องราว การปั่นหัวซึ่งกันและกัน โอ๊ย มันดีไปหมดเรื่องนี้เรื่องในดวงใจผมอันดับหนึ่งตอนนี้เลย เอาว่า ผมอยากไปศึกษาว่าเค้าใช้ compo ยังไง บทสนทนายังไง การแสดงยังไง ดึงเราไว้ได้ ให้การพูดคุยมันไม่น่าเบื่อ แง เก่งมากเลยอ่ะครับ แล้วก็

  2. ชอบฉากแอคชั่น การ choreograph มากๆ ตอนอันคุยนะเหวี่ยงบอล คุยนะเตะกระจกข้างรถ อุซางิวิ่งหลบกระสุนคิงโพธิ์ดำ แล้วก็สี่สาวหนึ่งหนุ่มช่วยกันต่อกรกับคิงโพธิ์ดำ อยากจะดูเป็นเรฟเลย เผื่อไว้ใช้กับหญิงใหญ่โหนตัวได้ตอนลงจากตู้เสื้อผ้า ในอนิเมชั่นเรา คือพยายามบอกตัวเองว่า อะไรที่ชอบให้จดมาเป็นคำพูดแล้วก็ deliberately ใส่ในงานเรา ในแบบเราด้วยนะ ไม่ใช่ก๊อบมาดื้อๆ ต้องมีการ creatively adjusting and ต่อยอด it ประมาณนั้น นี่สิถึงเป็นการ contribute back to the stories you have consumed and also to pass it further to others ด้วยงานของเราด้วย ใช่ ทีนี้เราก็จะไม่ใช่ดูหนังเฉยๆ แต่ว่า ดูแบบคนสร้างหนังเองด้วย

  3. ชอบคอมโพสิชั่นโดยรวมด้วยแล้วกัน ประมาณนี้ จริงๆมีอัดในวิดิโอตอนเช้า ต้องไปเปิดถ้าอยากรื้อฟื้นว่าชอบอะไรอีกบ้างน่ะ ออ

  4. ชอบการที่เค้า show and tell เช่น ตอนที่ สองสาว คุยนะอันแปะมือว่าแท็กทีมกัน เวลาที่เค้าพูดอะไรที่อาจจะดูเหมือนจะเลี่ยนๆตรงๆหน่อย แต่พอเราเห็นการกระทำมันสอดคล้อง เห็นเค้าตั้งใจช่วยกันสู้ ผ่าน action not just words เออตรงนี้มันดี มันทำให้เรารู้สึก ‘เชื่อ’ ในคำพูด ในตัวละครใช่ๆๆๆๆ เหมือนกับ อุซางิกับอลิสเหมือนกัน เราเห็นเค้ามองตากัน ช่วยกัน เราเลยเชื่อที่เค้าบอกว่าอยากจะได้ไปเดินด้วยกัน ปีนเขาด้วยกัน คือ ถ้าเราเองไม่เคยมีความรักแบบนั้น เราก็อาจจะเชื่อได้ยากจริงไหม แต่การแสดง เรื่องราว สิ่งที่เกิดขึ้น การกระทำตัวละคร มันส่งให้เราเชื่อตามคำพูดของเค้าใช่ๆๆๆ เป็นเรื่องของการ walk the walk not just talk the talk อะไรตรงนั้นน่ะ ผมก็ไม่ชัวร์กับสำนวนขอโทษครับ แล้วก็การที่เราเลยได้เห็นเค้าเดินกันไปตั้งไกลในโรงพยาบาลก็เป็นการแบบ ย้ำให้เห็นว่านี่ไง สองคนเค้ามีความสุขที่ได้ spend time together จริงๆ ที่ได้แค่อยู่เคียงข้างกัน แง ดีจังเลย ผมจำได้ร้องไห้ขี้มูกไหลเลยครับ ซึ้งหนักมาก มันเป็นฟีลลิ่ง ที่ไม่เข้าใจว่เพราะอะไร แต่ว่ามันร้องเลยน่ะ เราว่าก็ต้องนี้แหล่ะ

    “when action is in align with words, you feel the power, the energy, the truth and that touches your heart.” ขอสรุปแบบนี้

  5. อีกเรื่องที่ชอบ ก็จะเป็นการที่เค้าคงพยายามเล่าว่า คนเหล่านี้มาเจอกันได้ยังไง ก็น่าจะเป็นช่วงเวลาเฉียดตายจากเหตุการณ์เดียวกันที่โดนกระทำกับทุกชีวิต เลยอาจจะเกิดการเชื่อมโยงกัน ผมชอบตอนที่เฮยะ นั่งรถเข็นผ่านอะงุนิ แล้วบอกพยาบาลว่า เค้าชื่นชมที่อะงุนิสู้ ไม่ยอมตาย คือเค้าดูปลาบปลื้มมาก ดูเหมือนจะรักอะงุนิได้ด้วยซ้ำ ทั้งๆที่ไม่รู้จักกันอ่ะครับ คือคล้ายๆว่า ตรงนี้เค้ากำลังจะบอกเราว่า คนเรา แม้จะไม่รู้จักกัน แต่ถ้าเราเชื่ออะไรเหมือนกัน เราเข้าใจกัน เราคิดแบบเดียวกัน มันก็ทำให้เราสองคนใกล้กันขึ้นมาได้ คล้ายๆกับการที่เราหลงรักตัวละครในหนังสือ ในหนัง ที่เราคิดเหมือนกัน kindred spirit ประมาณนั้นล่ะมั้งครับ ซึ่งมันฟินมากเลยอ่ะ หนังไม่ต้องโชว์ให้สองคนนี้มารักกันอีก แต่แค่เห็นเฮยะยิ้มให้อะงุนิ เสมือนว่าเธอเข้าใจว่าเค้ากำลังเผชิญอะไร แล้วเธอก็กำลังเผชิญอยู่ด้วย แค่นี้มันก็อบอุ่นมากๆแล้วครับ แบบ รักกันทั้งๆที่ไม่ต้องคุยกันยังได้เลยอ่ะครับ ดีมาก ซึ่งก็สอดรับกับตอนที่ทั้งสองจะจากกัน (เทนิชิไน่ แงงงงง) โอ๊ย แล้วมานั่งคิด ดีมาก เฮยะ ดูเป็นคนที่รักตัวเองมาก ที่จะคอยบอกว่าตัวเองต้องอยู่รอดเพื่อตัวเองในอนาคต หรืออะไรนี่แหล่ะ ชอบมาก เป็นตัวแทนของสาวมั่นที่รักตัวเอง

ประมาณนี้ ไว้นึกออกอีกหวังว่าจะได้มาเขียนอีกครับ ดีมากเลยอ่าาา คุยนะเจอพ่อแม่ การที่ตอนจะตายบอกว่า ไว้เราเจอกันอีกอะไรเนี่ยแหล่ะ คือเหมือนกลุ่มคนที่เจอกับความสิ้นหวัง หมดหวังในคนรอบตัวด้วยประมาณนั้น อันก็อาจจะหมดหวังกับความจริงที่โหดร้ายเวลาเจอเหยื่อถูกฆ่าอะไรแบบนั้น แล้วเค้าก็ร้องไห้ตอนผ่าตัดด้วย แงๆๆๆ ชอบมากเลยหง่าาาาาาา สุดท้ายรูปสเก๊ตช์ครับ ไปละ บาย ขอให้เป็นที่ดี ขอให้คุณไม่ได้ไพ่โจ๊กเกอร์นะวันนี้ (ไพ่โจ๊กเกอร์คืออะไรนะ!)

Previous
Previous

แผนเปลี่ยนเมื่อก่อนว่ายน้ำ เดอะวันติงตอนนี้คือ หางานหาเงิน ด้วย พอร์ต คาแรกเตอร์ดีไซน์ อนิเมติ้ง ด้วย 5 ไม้หัวพืช และ ไม้หัวคน

Next
Next

ช่วงเมื่อวานวันนี้เน้นรวบรวม จัดระเบียบ งาน ตัวละคร โลก เรื่อง ไม้หัว เย้เย แล้วก็ดู อาริสุ!