ต้นไม้ระฟ้า กับ พระจันทร์
แม้กระทั่งความรู้สึก มันก็เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนนะครับ บางความรู้สึกเราก็อยากให้มันหายไปไวๆ แต่บางทีก็ต้องรอเวลาช่วย แต่กับบางความรู้สึก เรากลับอยากเรียกหา ปลุกเร้ามันขึ้นมา อย่างวันนี้ ซึ่งจริงๆก็ล่วงเลยผ่านช่วงเวลากักตัว 14 วันของผมมาหลายวันแล้ว แต่ผมก็ยังตัดสินใจอยู่ต่อจนถึงวันพฤหัส ไหนๆก็จะได้ใช้เวลาเก็บของ ทำความสะอาดบ้าน รวมไปถึงใช้โอกาสเอาเวลาที่ได้อยู่คนเดียววาดงานผ้าใบผืนใหญ่ให้พี่สาว เป็นภาพทิวทัศน์ที่เมือง Annecy ในฝรั่งเศสน่ะครับ แน่นอนผมก็ต้องแอบวาดน้องๆผมลงไปด้วย
วันนี้เป็นวันที่ความรู้สึกผมเปลี่ยนไปมากเทียบกับวันแรกที่ถึง ในวันนั้น เพียงแค่รู้ว่าเราจะมีที่พักที่แยกออกมาจากครอบครัวเพื่อความปลอดภัย ซึ่งที่พักนี้ยังมีพื้นที่กว้างขวางให้ผมได้นั่งได้นอน มีอาหาร เสื้อผ้า เท่านี้ก็คือที่สุดแล้วที่ผมอยากจะขอบคุณ นั่นเป็นจุดเริ่มที่ผมเริ่มเขียนบล็อกเพื่อบอกเล่าประสบการณ์ความรู้สึกขอบคุณ มาวันนี้ คงเพราะความเคยชิน หรือความลืมตัว ที่ทำให้ผมเองเริ่มค่อยๆรู้สึก ชินชา กับสิ่งน่าขอบคุณเหล่านี้
ช่วงเย็นวันนี้หลังจากที่ผมทานเยอะมากกว่าปกติ ก็คือมาม่าญี่ปุ่นซองเดียวเต็มๆ ธรรมดาผมจะทานแค่ครึ่งเดียว เพราะว่าจะใส่เครื่องเยอะ แล้วแบ่งที่เหลือไว้ทานเข้า หลังจากทานเสร็จ ผมจึงนึกขึ้นได้ถึงความรู้สึกทุกๆเช้าเวลาได้ออกไปรดน้ำต้นไม้ ว่าจริงๆแล้วอย่างหนึ่งที่ผมอาจจะละเลยความรู้สึกขอบคุณไปก็คือ สวน ครับ
การที่ผมได้มีสวนรอบบ้าน จริงๆมันคือความโชคดีมากๆ นอกจากพื้นที่ที่ผมสามารถจะเดินเล่นภายในอาณาบริเวณบ้านของตัวเองจะมีเพิ่มขึ้นแล้ว ผมยังสามารถทำกิจกรรมเช่นการรดน้ำต้นไม้ในตอนเช้าได้ด้วย ซึ่งทุกๆวันผมก็จะเจอโน่นนิดนี่หน่อย ที่ทำให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจ
“พี่หอยทากหายไปอีกแล้วครับพี่ทอง วันนี้คงมีแต่ผมกับน้องหนอน” ชายเล็กทักผมขึ้นมาจากทางซ้าย ตรงสวนซึ่งอยู่ชั้นล่างระดับพื้นดิน จริงๆแล้วเย็นนี้เป็นคืนที่ผมสัญญากับชายเล็กไว้ว่าเราจะมานั่งเล่นกับที่ชานระเบียง ซึ่งเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมทอดออกจากบริเวณห้องนั่งเล่นเข้าสู่สวนซึ่งโอบล้อมบ้านไว้
ชายเล็กค่อยๆเดินขึ้นบันไดมา มีน้องหนอนน้อยชาเขียวไต่ตามมาข้างๆ หน้าตาของทั่งคู่ดูง่วงนอนไม่เบา แน่นอน เพราะสองคนนี้เค้าเริ่มวันกันตั้งแต่เช้า ผมรู้สึกประทับใจเสมอเวลาที่เห็นชายเล็กสามารถจะเดินเล่นไปมาในสวนตอนกลางคืนได้ ทั้งๆที่ผมก็จะกลัวไม่กล้าเดินเข้าไปในสวนในเวลามืดๆเสียเท่าไหร่ เนื่องจากกลัวว่าจะไปเจอสัตว์เลื้อยคลานหรือไม่ คงเพราะธรรมชาติก็คงเข้าใจธรรมชาติกันดีที่สุดน่ะครับ
“ไม่เป็นไรครับ พี่ก็กะจะแค่มานั่งเล่นนั่งคุยกับพวกเรานั่นแหล่ะ เพราะปกติเราก็จะเจอกันแค่ตอนเช้า ช่วงที่เราช่วยกันรดน้ำต้นไม้ ทำสวนกัน แต่หลังจากนั้นพี่ก็จะง่วนอยู่ในบ้านวาดรูปบ้าง ทำอาหารบ้าง พี่เลยอยากมาหาชายเล็กกับเพื่อนๆของเราบ้าง” ผมบอกน้อง ตอนนี้ทั้งสองก็นั่งลงข้างๆผมเรียบร้อย
“ออครับ ผมก็รู้ว่าพี่ทองคงจะยุ่งๆ เลยไม่ค่อยได้เข้าไปรบกวนเท่าไหร่ในบ้าน วันนี้พี่ทองเป็นยังไงบ้างครับ ได้เล่นกับต้นไม้บ้างหรือเปล่า เจออะไรน่าพิศวงบ้างมั้ยครับ” ชายเล็กถามผม บางบรรจงนวดน้องหนอน ชายเล็กเค้าแรงดีเลยล่ะครับ
"ก็เช่นเคยนะ อย่างแรกก็ต้องดอกไม้นั่นแหล่ะครับ ดอกไม้เป็นอะไรที่พี่ก็ไม่คิดว่าลงเอยจะเป็นสิ่งที่พี่มีความรู้สึกชื่นชอบแล้วก็ชื่นชมนะ ตอนเด็กๆพี่จะมองว่าดอกไม้เป็นเรื่องของคุณแม่ๆคุณป้าๆมากกว่า แต่ตอนนี้พี่เริ่มกลับมามองเห็นความงามของเค้าแล้วเหมือนกัน แปลกดีเนอะ หลายอย่างที่มันก็ต้องใช้เวลากว่าที่เราเริ่มเห็นคุณค่าของเค้า” ผมพูดทวนคำสอนคลาสสิคที่ใครๆหลายคนต่างพูดไว้ แต่ก็เป็นสิ่งที่ถ้าไม่เกิดขึ้นกับตัวจริงๆ ก็คงจะฟังไปเฉยๆแล้วผ่านไป “ชายเล็กจำได้ว่าพี่ทองก็เริ่มจะสนใจดอกไม้ตั้งแต่ตอนอยู่ลอนดอนแล้วนะครับ” ชายเล็กเรียกภาพห้องสตูดิโอที่ควีนส์เวย์ของผมกลับมาในความทรงจำผมอีกครั้ง “ก็ถูกของเรานะ บางทีอาจจะเพราะชีวิตพี่อาจจะไม่ได้มีสีสันมากเท่าไหร่ในช่วงนี้ มันอาจจะมีความว้าเหว่ วนซ้ำกับเรื่องปกติๆธรรมดาๆทุกวัน จนทำให้สิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่นการออกดอก ของต้นไม้ทำให้พี่เกิดความตื่นเต้นได้ ก็ไม่แน่” ผมตั้งสมมติฐานถึงความสนใจของตัวเอง
“ก็เป็นไปได้นะครับ ผมว่านี่ก็เป็นสัญญาณที่ดีนะพี่ทอง ผมรู้สึกว่าพี่ทองค่อยๆกลับมาหาใจตัวเอง กลับมาหาความสุขจากสิ่งเล็กน้อยรอบๆตัวที่พี่ทองมี ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ สถานที่ หรือว่ากิจกรรมที่พี่ทองทำได้ดี เช่นการวาดรูป การร้องเพลง ไปจนถึงสิ่งที่พี่ทองอาจจะต้องฝึกฝนเพิ่มเช่นการอ่านการเขียน” “แล้วก็รวมไปถึงพวกเราด้วยนั่นแหล่ะ” ผมบอกน้องชายเล็กพลางรู้สึกขอบคุณที่ผมมีพวกเค้าให้ได้คุยด้วยอยู่ทุกๆวัน “ฮ่าๆ ครับ พวกผมก็อยู่ข้างๆพี่ทองตลอด ขอแค่พี่ทองได้ลองมองหาก็แค่นั้นครับ” “กร่อก!” ชายเล็กทำหน้าตกใจเมื่อรู้สึกว่านวดแรงเกินไปหรือไม่ แต่ว่าน้องหนอนยังคงหลับตาพริ้มไม่รู้ว่ากำลังนึกถึงใบชาหรือว่าอะไร
"เล็กตื่นเต้นที่จะได้กลับไปคอนโดวันพฤหัสนี้มากเลยครับ เล็กคิดถึงสวนเล็กๆที่ริมระเบียงห้องเรา” คำพูดของชายเล็กทำให้ผมเกิดความรู้สึกที่ปนเประหว่างดีและไม่ดี ที่ดีก็คือใช่ ผมก็คิดถึงห้องนอนแล้วก็สวนย่อมๆของผม แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็รู้สึกผิดที่ตัวเองละเลยสวนของผม ลืมรดน้ำอยู่บ่อยๆ “พี่ทองมีเวลาแก้ตัวเสมอนะครับ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พี่ทองอัพสกิลความพอใจในสิ่งที่มีขึ้นเยอะแล้วนะครับ อย่าลืมสิครับ” ชายเล็กให้กำลังใจผม ราวกับน้องๆไม้หัวทั้งห้าจะมีประชุมกันทุกเช้าเพื่อคุยว่า วันนี้จะให้กำลังใจพี่ทองยังไงเรื่องอะไรดี ก็ไม่ปาน
ชายเล็กปล่อยมือจากน้องหนอน หลังจากเค้าใช้สองมือทำท่าเหมือนพนมมือแล้วก็ฟาดลงบนบ่านุ่มๆสีเขียวตองอ่อนของน้องหนอน ปั่กๆๆๆ เบาๆ เหมือนกับเวลาที่ผมไปนวดที่ร้านนวดเป๊ะเลย น้องหนอนหาวฟอดใหญ่แล้วก็ค่อยๆกระดึ๊บคลานออกไปยังบริเวณสวนอีกครั้ง ชายเล็กเดินตามไป แล้วผมก็เลยลุกเดินตามไป
เราสองคนค่อยๆเดินตามน้องหนอนออกไป ที่บริเวณสวนที่อยู่หน้าบ้าน ซึ่งเป็นทิวแถวของไม้ยืนต้นที่ปลูกอยู่ห่างๆกัน ที่พื้นมีต้นหญ้าปลูกไว้แน่นราวกับเป็นฟูกหนานุ่มรองรับต้นไม้ที่อาจจะพักเมื่อยจากการยืนเต็มวันก่อนลดตัวลงนอน น้องหนอนหยุดคลาน หันหน้ามาเผชิญเราสองคนแล้วจึงเงยหน้าขึ้นสูงมองไปยังท้องฟ้า ชายเล็กกับผมจึงหันหลังกลับ แล้วก็เข้าใจแล้วว่าทำไมธรรมชาติเค้าถึงเข้าใจกัน เพราะท้องฟ้ากลางคืนวันนี้ใสมาก มองเห็นพระจันทร์ฉาดแสงสีขาวนวลออกมาให้ผู้คนซึ่งตอนนี้คงจะพักผ่อนกันอยู่ในบ้าน ได้ชื่นชม พระจันทร์ทำให้ความคิดต่างๆของผมหยุดลง เหลือเพียงความรู้สึกสงบ แล้วก็มีเพียงลมเย็นๆที่พัดโชยมาเป็นจังหวะ ผมหันกลับไปหาน้องๆ พวกเค้าปีนกันขึ้นไปนั่งดูพระจันทร์บนต้นไม้ที่ผมไม่รู้จักชื่อซะแล้ว ผมหันหลังกลับเพื่อชื่นชมพระจันทร์อีกครั้งก่อนจะเข้าบ้าน แสงจันทร์สาดส่องลงบนตัวผม ขับเอาความรู้สึกขอบคุณให้กลับขึ้นมาจากใจ