นางสุชาดา

4F6E661D-ED21-437E-9E50-7E569510569D.JPG

“เรียบร้อยแล้วครับ” ชายกลางเดินแวะเข้ามาหาผมที่ห้องน้ำชั้นล่าง ระหว่างที่ผมกำลังซักเสื้อผ้าล็อตล่าสุดอย่างเมามันอยู่กับชายใหญ่ แบ่งกันคนละกาละมัง เค้ารายงานสิ่งที่รีเสิร์ชได้ “กลางเข้าไปอ่านจากอินเตอร์เน็ตมา ก็ตามที่พี่ทองเข้าใจแหล่ะครับ นางสุชาดา ก็เป็นอุบาสิกาคนสำคัญคนหนึ่งในพระพุทธศาสนา ความสำคัญของนางก็คือ นางเป็นอุบาสิกาคนแรกในพระพุทธศาสนา อีกทั้ง พระพุทธเจ้าก็ยังคงยกย่องให้นางเป็นเอตทัคคะผู้ถึงสรณะก่อน แล้วนางก็ยังเป็นผู้ถวายข้าวพร้อมถาดทองคำแก่พระโคตมพระพุทธเจ้า ด้วยครับ” ชายกลางเล่าใจความโดยย่อของนางสุชาดาให้ผมฟัง “แล้วนางก็มีชื่อเดียวกันกับคุณแม่ของพี่” ผมพูดแล้วก็ยิ้มให้ชายกลาง “ขอบคุณมากครับชายกลาง ใช่แล้ว พี่อยากให้เราได้เข้าใจเรื่องของนางสุชาดาในพระพุทธศาสนามากขึ้น เพราะวันนี้พี่ก็มีสิ่งที่ต้องรู้สึกสำนึกในความรักของคุณแม่อีกแล้วจนได้ เพราะเมื่อเช้าแกขับรถมาไกลจากตั้งสาทร เพื่อเอาอาหารมาฝากพวกเรา ไหนจะน้ำอีกตั้งสองแพ็คด้วย” “ไหนจะหน้ากากผ้าลายพรรณไม้สุดสวยชิ้นนี้ด้วยครับ” ชายใหญ่พูดเสริมมาจากด้านขวาของผม หลังจากที่เค้าเพิ่งซักผ้าชิ้นสุดท้ายขึ้นเสร็จ ซึ่งเป็นหน้ากากอนามัยชิ้นซักได้ที่คุณแม่ผมหามาติดไว้ให้ที่บ้านบางใหญ่ ตั้งแต่ผมเดินทางเข้ามากักตัวเมื่อประมาณเกือบสองอาทิตย์ที่แล้ว “ใช่แล้วชายใหญ่ พี่ก็อยากจะให้เราได้ร่วมกันขอบคุณคุณแม่พี่จริงๆ เมื่อวานพี่เพียงแค่เล่าให้แกฟังเท่านั้นว่าน้ำขวดพี่กำลังจะหมด แต่ว่าสั่งซื้อออนไลน์ไปแล้ว กำลังจะมาส่ง ขนาดพี่ก็เข้าใจว่าแกกำลังเล่าปัญหาทุกข์ใจให้ฟัง แกก็อาจจะไม่ได้กังวลแทนพี่เรื่องนี้มากกนะ แต่ปรากฎว่า” “นางสุชาดาก็มีอยู่จริงๆใช่ไหมครับ” ผมหันไปมองชายกลางซึ่งยืนอยู่หน้าประตู “ใช่แล้ว นางมีอยู่จริงๆ แล้วก็เป็นบุญมากที่พี่ได้มาเกิดเป็นลูกแกด้วย” ผมพูดตอบ “คุณแม่พี่เนี่ยนะ แกเป็นคนขยันมาก” ผมเล่าเรื่องราวของนางสุขาดาคนสำคัญในชีวิตผมให้สองน้องชายฟังบ้าง ขณะที่มือก็พยายามบิดเอาน้ำยาซักผ้าที่ผมใส่เยอะเกินไปนิด ออกจากกางเกงขายาวเนื้อหนา ใจความที่อ่อนหวานปนซึ้งช่างสวนทางกับท่วงท่าอันเกรี้ยวกราดของสองมือผมเสียเหลือเกิน “ทุกวัน เป็นสิบกว่าปีมาได้แล้วมั้ง แกก็จะไปใส่บาตรตอนเช้า ที่วัดยานนาวา ส่วนตอนเย็นแกก็จะไปสวดมนต์ที่บนอาคารของวัด” ผมเว้นจังหวะเพื่อนึกถึงเหตุการณ์ประทับใจพิเศษๆที่ผมมีเกี่ยวกับคุณแม่ของผม “มีอยู่ช่วงหนึ่ง ตอนหลังจากที่พี่บวชแล้วสึกออกมาไม่นาน ช่วงนั้นพี่ยังขยันอยู่มาก ก็เลยมีโอกาสช่วยขับรถให้คุณแม่ไปตักบาตรเป็นเพื่อนแก พี่จำได้ถึงความขี้เกียจ ความง่วงของพี่ แต่คุณแม่พี่กลับมีความกระฉับกระเฉงอยู่ตลอด การใส่บาตรได้กลายไปเป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันของแกไปแล้ว ไม่ต่างจากการทานข้าว แต่งตัว อาบน้ำ เลยสักนิด” ผมพูดต่อไปเรื่อยๆ ด้วยใจที่รู้สึกซาบซึ้งในความศรัทธาของคุณแม่ “แม้กระทั่งในเวลาที่ฝนตก คุณแม่พี่ก็ยังคงสามารถไปใส่บาตรได้เป็นปกติ” “สิ่งที่พี่ประทับใจเป็นพิเศษก็คือแม้กระทั่งในช่วงเวลานี้ที่มีโรคระบาด แกก็ยังคงมีศรัทธาแรงกล้าที่จะไปใส่บาตร ซึ่งแน่นอน แกก็จะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ใส่ผ้าปิดปากให้ปลอดภัย พี่ยังโล่งใจที่แกก็ยังมีเพื่อนคุณน้าอีกคน ที่ใจบุญเหมือนกัน ก็ยังคงไปใส่บาตรด้วย” ผมกล่าวต่อ พลางคิดในใจว่าตัวเองจะสามารถมีศรัทธากับสิ่งใดมากพอที่จะทำมันอย่างต่อเนื่องไม่ลดละอย่างคุณแม่ผมได้หรือไม่ “ถึงแม้จะดูว่าระยะทางขับรถจากคอนโดพี่ไปถึงวัดจะไม่ได้ไกลมาก ถ้าถนนโล่งๆช่วงเช้าตรู่ก็จะใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ถึงแล้ว แต่พูดถึงเรื่องของการยกโต๊ะ เก้าอี้พับ ออกจากหลังรถทุกวัน รวมไปถึงการต้องตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่ได้ มาจัดอาหาร ไหนคุณแม่พี่จะต้องคิดว่า วันนี้จะใส่อาหารเมนูไหนดี ที่จะให้ไม่ซ้ำกับเมนูวันก่อน จะต้องอุ่นอาหารแบบไหน ใส่ตู้เย็นหรือไม่ยังไง พี่ล่ะเชื่อจริงๆว่า ทั้งหมดทั้งมวลที่แกจะต้องทำทุกวันนี้” “แกก็ยังคงแวะเอาอาหารมาให้พี่ทองได้อีกเช้านี้ จริงครับ คุณแม่พี่ทองสุดยอดมาก” ชายใหญ่พูดพลางยกนิ้วโป้งให้ผม “แล้วแกก็จะช่างเสาะหาด้วยนะ อย่างเช่นวันนี้แกก็มีน้ำนมอัลมอนด์กับนมแมคคาดาเมียมาฝาก แกบอกสรรพคุณความพิเศษอย่างดี อาหารส่วนใหญ่ที่แกหามาก็จะมีสโลแกนต่อท้ายประมาณว่า อร่อยที่สุดในสามโลก หรือว่า อร่อยที่สุดในจักรวาล” ทั้งสองชายยิ้มแล้วก็หัวเราะ “ซึ่งก็เป็นอย่างที่แกว่าจริงๆนั่นแหล่ะ มันอร่อยที่สุดแบบนั้นจริงๆ” ผมพยายามนึกถึงเมนูอาหารที่ผมชอบมากๆที่แกหาซื้อมา “อย่างนึงที่พี่ชอบมาก ที่แกก็ไปหาซื้อมาใส่บาตรอยู่บ่อยๆ จริงๆก็เป็นของหวานที่ทำจากคุณน้าลูกน้องเก่าของแกเอง ที่พี่ก็ให้ความเคารพแล้วก็สนิทสนมกับแกอยู่ตั้งแต่เด็ก พี่เรียกแกว่าน้าจ๊อด แต่ว่าแกจะใช้ชื่อว่า ป้าจ๊อดจ๋า แกขายเป็นเต้าฮวยมะพร้าวอ่อนครับ อร่อยสุดๆเลย” แล้วตอนนี้ สิ่งพิเศษอีกอย่าง ผมเว้นจังหวะให้น้องชายทั้งสองได้ลุ้นกันสักครู่ “อะไรหรอครับๆๆ” ชายกลางถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ความตื่นเต้นของเค้าไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าสิ่งที่เค้าอยากจะรู้จะเกี่ยวข้องกับอะไรก็ตาม “ก็คือว่าพี่เริ่มรู้ว่าตอนนี้จะไม่ได้มีแต่นางสุชาดาแล้วในชีวิต พี่ กำลังจะมีนางสาวกิรัติสุดา มาด้วยนี่สิ ฮ่าๆ” ผมพูดพลางย้ำหัวเราะเมื่อพูดถึงชื่อของพี่สาวคนร้องของผมเอง “พี่เชอรี่!” ชายกลางโพล่งชื่อเล่นของพี่สาวผมออกมาราวกับกำลังอยู่ในรายการแข่งตอบคำถาม “ใช่แล้วเจ้ากลาง เก่งมาก ใช่ๆ คือพี่เชอรี่เดี๋ยวนี้ไปๆมาๆ ก็จะน่ารักมาก จะช่วงหาของสารพัดมาให้ ตั้งแต่พี่จะกลับจากลอนดอนแล้ว ช่วยส่งอุปกรณ์ที่ไว้สำหรับทำความสะอาด แล้วก็ปกป้องตัวเองจากโรคระบาดให้พี่อย่างดี ไหนตอนที่พี่มาถึงบ้านบางใหญ่ใหม่ๆ ก็ส่งกล่องพัสดุบรรจุของสารพัดนึกมาให้ ไม่ว่าจะเป็นแอลกอฮอล ปรอทวัดไข้ ทิชชู่เปียก น้ำยาซักผ้า แชมพู ไปจนถึงอาหารอย่าง อัลมอนด์ แซลมอน เนื้อเสต็ก เนื้อไก่ เต็มไปหมดเลย” "ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆครับพี่ทอง” ชายใหญ่ทักขึ้นมา “ใช่ครับ ผมเห็นมันเทศต้มแล้ว น่าทานสุดๆ อีกไม่นานเราคงได้กลับบ้านที่คอนโดสาทรแล้วก็ชิมฝีมือครัวเชฟเชอรี่สักทีนะครับ” ชายใหญ่พูดเรื่องอาหารจนทำผมกับชายกลางมองหน้ากันด้วยความหิว “ใช่แล้ว อีกไม่นาน นายวัฒนศักดิ์ก็จะได้กลับไปหานางสุชาดา นางสาวกิรัติสุดา แล้วก็นายเกรียงศักดิ์ นายจิรศักดิ์ นางจอมสุดา ด้วย” “ครากกกกกกกก” แล้วท้องของทั้งสามนายก็ถึงคิวส่งเสียงบ้าง

ปล. ชายกลางขอขอบคุณแหล่งอ้างอิงดังนี้ครับ

https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/117720.html

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%B2_(%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B5)

Previous
Previous

คลื่นความคิด

Next
Next

ทำไม่ได้ หรือ ไม่ได้ทำ