ทำไม่ได้ หรือ ไม่ได้ทำ

9A160046-B23E-4736-BA7F-07374D54FF0D.JPG

“พร้อมมั้ยคะ” ผมลืมตาขึ้นในห้องพระ หลังจากกิจกรรมที่ทำมาได้ประมาณอาทิตย์นึงแล้ว ก็คือการสวดมนต์ตอนเช้า ตามบทสวดที่อัพอยู่บน YouTube แล้วก็นั่งสมาธิต่ออีกประมาณสิบห้านาที เสียงนั้นเป็นเสียงของหญิงเล็ก ซึ่งเธอมานั่งอยู่ทางขวาของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “เอ่อ พร้อมอะไรหรอครับหญิงเล็ก” ผมถาม

“ก็สิ่งที่พี่ทองผัดผ่อนมานานหลายปีแล้วยังไงล่ะคะ สิ่งที่สักครู่นี้ หญิงเล็กเดาว่า สิ่งนั้นก็คงกลับมาล่องลอยวนเวียนรบกวนสมาธิพี่ทองระหว่างที่พี่ทองกำลังหลับตา” หญิงเล็กทำเอาผมตกใจ เพราะใช่แล้วครับ มีสิ่งนึงที่รบกวนจิตใจผมอยู่ เป็นโปรเจคค้างนานหลายปี ที่ผมก็จะมีช่วงที่คิดถึงเป็นพักๆแล้วก็เก็บพับสิ่งนี้กลับไปไว้ในลิ้นชักของความคิด “Line Sticker ใช่ไหมครับ” หญิงเล็กพยักหน้า “อ่า เราอ่านใจพี่ออกอีกแล้ว ใช่แล้ว ช่วงนี้พอดีก็ได้ไปเห็นสติกเกอร์น่ารักๆ แล้วก็ได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับคนที่ใช้เวลาช่วงนี้สร้างสติกเกอร์ พี่ก็เลยอดหวนกลับไปคิดถึงเรื่องนี้อีกไม่ได้ พร้อมสิครับ พร้อมๆ” “แต่พี่ทองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะทำสำเร็จหรือไม่” หญิงเล็กต่อประโยคผมทันทีที่เสียงผมเริ่มแผ่วเบาลง “เพราะพี่ทองลองแล้วก็พลาดมาหลายครั้ง จริงมั้ยคะ” นี่ถ้าผมได้ยินประโยคนี้มาจากที่อื่น ผมอาจจะรับไม่ได้ แต่เพราะเป็นหญิงเล็ก ที่ผมรู้ว่ามีแต่ความหวังดีให้กับผม ผมจึงกลับรู้สึกตรงกันข้ามคือ สามารถที่จะได้เล่าเรื่องราวที่ติดค้างในใจได้ทั้งหมด “ใช่แล้ว พี่พยายามมาหลายรอบแล้วมันก็ยังไม่สำเร็จ” “ทุกอย่างยังคงมีความหวังเสมอค่ะ ตราบเท่าที่” หญิงเล็กเงียบไปแล้วก็ยิ้ม ผมเดาว่าเธอน่าจะให้ผมตอบกลับสิ่งที่เธอเว้นไว้ “…ตราบเท่าที่ เรายังมีความหวังให้กับสิ่งนั้น… รึเปล่านะ” หญิงเล็กไม่ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ แต่ลุกขึ้นมาแล้วค่อยๆเดินมาหาผม พอเธอเข้ามาถึงตัวผมเธอก็กอดผม “พี่ทองต้องเชื่อมั่นในตัวเองมากกว่านี้นะคะ หญิงเล็กเชื่อว่าพี่ทองทำได้ แต่สุดท้าย มันจะสำเร็จหรือไม่ พี่ทองต้องเชื่อมั่นในตัวเองให้ได้ก่อนนะคะ” หญิงเล็กบอกกับผม ผมรู้สึกขอบคุณเหลือเกิน ที่มีน้องสาวตัวน้อยๆคนนี้ให้ความรักผมตั้งแต่ยังเช้า ผมค่อยๆบรรจงลูกผมใบไม้วิเศษของเธอ “ขอบคุณมากนะจ๊ะ หญิงเล็ก ได้เลย พี่ก็คิดไว้คร่าวๆแล้วว่าพี่จะไปหยิบเอากล่องดินสอที่เก็บงานวาดส่วนแรกที่พี่เคยทำไว้ แล้วจะได้ไปทำต่อ” ผมบอกหญิงเล็ก “พี่ทองอยากให้หญิงเล็กช่วยมั้ยคะ” หญิงเล็กถามผม น้ำเสียงอันอบอุ่นของเธอสอดคล้องไปกับไออุ่นจากรากไม้ที่ผมสัมผัสได้ ปีศาจอัตตาในตัวผมมันเริ่มร่ำร้อง แต่ไม่แน่ด้วยการเรียนรู้ที่ผมได้มาจากอังกฤษหรือไม่ ที่ว่าผมคงต้องเปิดใจลองอะไรใหม่ๆ ผมเลยอยากจะลองก้าวผ่านความคิดที่ว่างานของผมจะต้องผ่านมือของผมเพียงผู้เดียวเท่านั้นไปให้ได้ดูสักครั้ง “เอาสิ” ผมตอบหญิงเล็กด้วยน้ำเสียงที่ปนไปด้วยความมั่นใจและไม่มั่นใจ “แน่ใจนะคะ” หญิงเล็กถาม ผมพยายามละเลยความสับสนว้าวุ่นในใจ แล้วจึงสูดลมหายใจหนึ่งเฮือกแล้วตอบไป “แน่ใจมากๆครับหญิงเล็ก ครั้งนี้มันจะต้องสำเร็จ ตอนที่พี่ยังอยู่ที่บ้านบางใหญ่นี้ สติกเกอร์พี่ต้องเสร็จ!” หญิงเล็กยิ้มกว้างขึ้นมาก ช่วงเวลานึงเธอทำให้พี่นึกไปถึงพี่นุช พี่ที่ผมรู้จักซึ่งแก็ก็จะคอยให้กำลังใจในการสร้างสรรค์ของผมเช่นกัน “งั้นเราเจอกันที่โต๊ะอาหารนะคะ หญิงเล็กขอตัวกลับสู่ธรรมชาติสักครู่คะ” หญิงเล็กตอบพลางจมตัวลงไปในพื้นห้อง สิ่งที่จนบัดนี้ผมก็ยังคงไม่ชิน

ผมทำเริ่มต้นเช้าของวันด้วยสิ่งที่เฝ้ารอมากที่สุดก่อนก็คือการชงกาแฟดำร้อนทาน ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อทานกับคุ้กกี้ที่แม่ส่งมาให้แล้ว มันสุดยอดมาก ผมเข้าสู่กระบวนการทำความสะอาดอีกครั้ง เมื่อผมไปหยิบเอากล่องดินสอซึ่งผมใช้เก็บงานสติกเกอร์ไลน์ไม้หัวไว้ จากกระเป๋าเดินทาง ผมใช้เวลาสักครู่ใหญ่ในการฟื้นความทรงจำล่าสุดเกี่ยวกับโปรเจคนี้ ซึ่งผมจำได้ว่าผมตั้งใจจะทำสติกเกอร์ชนิดที่ขยับได้ โดยกะเอาไว้ที่ 40 ลาย ซึ่งก็จำได้ว่าทำเสร็จไปประมาณ 7-8 ลายได้ แต่แล้วกลุ่มควันแห่งความวิตกกังวลก็ค่อยๆกลืนกินผมจากภายในอีกครั้ง เมื่อผมพบว่าผมไม่ได้เก็บไฟล์งานของโปรเจคนี้ไว้ที่เครื่องแมคบุ๊คของผม หรือแม้กระทั่งใน External Harddrive ซึ่งก็ทำให้ความคิดผมก้าวกระโดดต่อไปว่า งั้นก็แสดงว่าผมก็ต้องรอกลับบ้านก่อนเพื่อจะเปิดดูว่าผมทำอะไรไปแล้วบ้าง ทำวิธีแบบไหน เพื่อที่จะได้สานต่องานชิ้นอื่นได้โดยคงรูปแบบเดิม จากนั้นความคิดตัวเดิมก็ก้าวกระโดดต่อไปอีกราวกับก้อนหินซึ่งถูกเขวี้ยงไปบนผืนน้ำ มันคิดต่อว่า งั้นก็แปลว่าเราจะยังทำงานนี้ไม่เสร็จ เรายังต้องรอไปอีก เราก็ยังจะไม่มีสติกเกอร์เป็นของตัวเองสักที เราก็จะยังไม่สามารถทำได้อย่างที่ปากพูด เราก็จะไม่สามารถภูมิใจในตัวเอง เราก็จะ..​. “พี่ทองคะ” ผมผละออกจากความคิด ราวกับวิญญาณที่ถูกเรียกให้หลุดออกจากร่างทรง หญิงเล็กให้สติผมจากทางขวาของโต๊ะทานข้าว “มีอุปสรรคใช่มั้ยคะ” “ใช่แล้วหญิงเล็ก พี่ว่าพี่อาจจะต้องรอจนกว่าจะถึงบ้านก่อน เพราะว่าไฟล์งานเดิม พี่ไม่มีกับตัวน่ะ” ผมอธิบาย “เหรอคะ จำเป็นต้องใช้มั้ยคะ” หญิงเล็กถามด้วยน้ำเสียงที่แน่นิ่ง ชนิดที่ความวิตกกังวลจากผมคงไม่สามารถไปปนเปื้อนสภาวะจิตของเธอได้ “ก็จริงๆพี่ก็อยากจะเห็นว่าตอนนั้นพี่วาดอะไรไว้นะ จะได้สามารถต่อดีไซน์แบบเก่าได้ถูกด้วย” “ได้ถูก เหรอคะ” หญิงเล็กถามผมกลับในคำที่ผมละเลยไป “ก็ในเมื่อเราทำมาแล้ว เราก็ควรจะทำให้เหมือนแบบเดิม” “ควร เหรอคะ” หญิงเล็กถามกลับ ครั้งนี้เธอหลับตาในขณะที่พูด ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนยิ่งขึ้นให้ผมได้ทบทวนสิ่งที่ผมพูดหรือคือ สิ่งที่ผมเชื่อในความคิดนั่นเอง “อ่า พี่เข้าใจละ จริงๆมันก็ไม่มีหรอกว่าอะไรคือถูกหรือผิด ควรไม่ควรสินะ” หญิงเล็กยังคงนั่งนิ่งต่อไปเรากับเธอเป็นอาจารย์วิปัสสนา แล้วผมก็เป็นลูกศิษย์ผู้ซึ่งเดินทางมาถึงสถานปฏิบัติธรรมนี้เป็นวันแรกเท่านั้น “มันมีแต่ ทำ กับ ไม่ทำ สินะครับ” คำพูดที่ผมเพิ่งพูดมีลักษณะเหมือนจิ๊กซอว์หรือความลับบางอย่างที่ถูกไขให้เปิดออกในเกมส์ ก่อนที่เราจะเข้าสู่ด่านต่อไป ผมได้ปลดล็อคกฎเกณฑ์ที่ผมตั้งขึ้นเองอีกล็อคหนึ่งแล้ว “อ่าได้ ถ้าอย่างนั้น พี่จะปรับแผน พี่จะเริ่มจากก้าวเล็กๆ เริ่มจากสติกเกอร์ 8 ชิ้นก่อน แล้วก็ไม่ต้องขยับ เอาแค่นี้แหล่ะ ง่ายๆ ให้เสร็จก่อน พี่จะสเก็ต แล้วน้องหญิงเล็กช่วยถามดำให้ได้มั้ยครับ” หญิงเล็กลืมตาขึ้นทันทีที่ผมจบประโยค “หญิงเล็กยินดีช่วยเสมอคะ” และแล้วคำขอบคุณที่ผมไม่ผัดผ่อนก็ทำให้วันนี้ ผมกับหญิงเล็กช่วยกันวาดสติกเกอร์ไลน์จนสำเร็จทั้ง 8 แบบ แล้วเดี๋ยวผมจะได้เอาไปเข้าคอมแล้วก็จะต้องส่งงานนี้ให้ไลน์ก่อนผมออกจากบ้านบางใหญ่นี้ไป เอาใจช่วยผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ! 

553114A1-77A1-4CF3-9ACC-4D3F7715C8A2.JPG

 

Previous
Previous

นางสุชาดา

Next
Next

ทำตามหน้าที่