Week 3 | Day 3 of 7 | 12 days left

5:58pm ตายล่ะหว่า ขี่เกี๊ยจ จังเล้ย ฉั่นไม่ย้ากจะท้ำงาน~ นึกถึงเพลงของจองหอยยูงคอง เอาล่ะมาต่อดีกว่าครับ หลังจากที่ผมเบี้ยวไปสองวันได้ วันนี้จะมาต่อเรื่อง Act 1 ของการเขียนบทกัน กับ animated storytelling by Liz Blazer

ทบทวนหน่อย ตอนนี้ theme น่าจะเป็นเรื่องของ self-love (การที่ desire แรกของหญิงใหญ่ที่ต้องการจะเป็น influencer คนมากดไลค์กด follow ก็เพราะเธอ ลืม ที่จะรักตัวเองแล้วก็ปล่อยใจไปกับภาพฝันของการเป็นที่รักที่ยอมรับจากคนในโลกโซเชียล ทั้งๆที่จริงๆความรักเหล่านั้นอาจจะไม่ยั่งยืนหรือจริงแท้เท่ากับความรักตัวเองของเธอ หรือจากคนใกล้ชิดก็คือพี่น้องของเธอ)

ตอนนี้เค้าให้เอา cue card มาเรียงตามลำดับเวลา แล้วก็จำแนกออกเป็นสามแถว ตาม ‘three-act storytelling structure’

  1. ตัวละครเจอกับปัญหา = act 1 = establishing characters & world

  2. ตัวละครพยายามหาทางแก้ปัญหา = act 2 = conflict

  3. ตัวละครแก้ปัญหาเสร็จสิ้น โดยปกติจะมาในแบบที่ไม่เป็นดั่งที่คาดคิด = act 3 = resolution (after no 2. reaches the ‘climax’)

และให้มีแถว 4 เพิ่มเติมสำหรับ ‘additional beats’ สำหรับบีทที่เรารู้สึกว่าไม่ใช่สามข้อข้างบน หรือยังไม่เข้าใจว่าต้องทำยังไงกับมันน่ะ

ขยายความ

Act 1 : Setting up character and conflict

  • แถวแรกของ cue cards:

    • แนะนำตัวละคร

    • แสดงให้เห็นว่าเค้า (หรือพวกเค้า) ต้องการอะไร

    • แสดงให้เห็น problem ปัญหา ที่กั้นกลางระหว่างตัวละครกับสิ่งที่ต้องการ

    • there should be the sense that solving the problem is going to take some serious effort.

  • ตัวอย่างเช่น

    • ต้นไม้ที่ต้องการแสงแดด แต่ว่าถูกขังล็อกอยู่ในตู้เสื้อผ้ามืดๆ

    • เด็กผู้ชายอยากกินซุปแต่ว่าไม่มีช้อน

Act 2 : Working towards a solution

  • แถวสอง

    • ตัวละครพยายามเอาชนะ problem

    • พยายามต่อสู้กับ roadblocks ต่างๆที่เข้ามา

    • มันจะง่ายขึ้น ถ้าเรารู้จักตัวละครเราด้วย specifics ต่างๆ (นึกถึงชีทตัวละครจาก readery เดี๋ยวเอามาเขียนใหม่ดีกว่า)

      • เช่นตัวอย่าง ในองค์แรก เล่าเรื่องนกกระสาที่กำลังคาบทารกไปส่งให้พ่อแม่นั้น ซึ่งปัญหาคือเค้าเป็นนกที่วอกแวกเสียสมาธิได้ง่าย แล้วเค้าก็บินไปส่งเด็กสายมากจนกำลังจะเลยเวลาเดดไลน์ สมมติว่าเรารู้ว่าจริงๆเค้ากำลังตามหาพี่สาวที่หายสาบสูญไปนานแล้ว หรือไม่ก็จริงๆเค้าชอบฟังเพลงแจ๊สละติน ตรงนี้จะช่วยเราคิดว่า

      • What will distract our stork? What will be the roadblocks preventing him from accomplishing his goal?

      • ซึ่งเราก็อาจจะเล่าได้ว่านกกระสาเวลาบินผ่านอพาร์ตเมนต์ก็จะคอยสอดส่องมองหาพี่สาวเสมอ หรือบางทีอาจจะหลับตาพริ้มนึกถึงเพลงจาก Tito Puente แล้วก็ลืมเวลาไป เป็นต้น

      • the more specific traits you give your character, the more opportunities you will have to create organic roadblocks for them in Act 2.

      • ถามคำถามจากตัวละครเช่น (use Readery list!)

        • what are their distinguishing physical attributes?

        • what do they love? hate?

        • what is their driving motivation in life?

        • their secret?

        • their biggest fear, and so on?

      • (ในเรื่องของเราก็คงเป็นเวลาที่ต้องเสียสละให้พี่น้องเนี่ยแหล่ะ ดังนั้นมันก็น่าจะแนะนำให้เห็นว่าพี่สาวเค้ารักพี่น้องมากน่ะ เช่น เราอาจจะเห็นชายกลางกำลังอ่านหนังสือที่ห่ออยู่ด้วยปกหนังสือที่พี่หญิงใหญ่ทำให้ หรือว่า เราจะให้หญิงใหญ่ใช้ริงโทนเป็นเสียงของหญิงเล็กเองตอนที่ notification ของโทรศัพท์เธอดัง แต่ไม่สิ เราคิดว่าหญิงใหญ่จะตั้งปิดโนติไปเลยจนลืมนัดนั่งสมาธิกับน้องสาวต่างหาก อาจจะต้องแสดงด้วยอย่างอื่น เป็นต้น หรือไม่เราอาจจะได้ยินหญิงใหญ่เรียกชายเล็กว่าลิตเติ้ลซึ่งเป็นชื่อที่เธอตั้งให้น้องชายของเธอเอง แล้วก็ว่าชายเล็กเริ่มเขินที่พี่สาวเรียกเธอแบบนั้น ไม่ก็ชายใหญ่อาจจะแวะเข้ามาถามว่า วันนี้จะช่วยพี่ทำอะไรดีจ๊ะใหญ่หญิง ซึ่งทำให้เราเข้าใจว่าหญิงใหญ่ก็จะเข้าไปช่วยพี่ชายทำครัวอยู่เป็นปกติ)

สรุปความเข้าใจตอนนี้ story structure คร่าวๆคงเป็น they want something, they face ac obstacle, the obstacle made them realize what they have been wanting is not as important as what they ‘need’. ล่ะมั้งนะ

Previous
Previous

Every Day A Good Day

Next
Next

ไม่ใช่ประจาน แต่มันคือการสร้างโมเมนตั้ม