ความรักทดแทนความกลัว

D6720990-6B6B-46B3-B07E-258B3D1EEA8B.JPG

ในขณะที่ผมกำลังฟัง Podcast ตอนล่าสุดจาก Readery Podcast ซึ่งว่าด้วยเรื่องของหนังสือที่จะนำพาความสงบสุขมาให้เรา โดยในเนื้อหาช่วงแรกมีการเล่าถึงหนังสือเรื่อง ของฝากจากทะเล ของ Anne Morrow Lindbergh ประโยคหนึ่งก็โผล่มาจากพี่โจ้ หนึ่งในสองผู้จัดรายการ ว่า “วิธีจัดการกับความกลัวที่ดีที่สุด ก็คือความรัก” ซึ่งความกลัวตัวนี้ล่ะ ที่เป็นเหมือนเบื้องหลังของความวิตกกังวล ความไม่สบายใจทั้งหลาย ซึ่งผู้จัดรายการก็เลือกหนังสือเล่มนี้มาบอกเล่าในช่วงเวลาที่หลายๆคนน่าจะกำลังเผชิญกับความรู้สึกนี้อยู่ในช่วงเวลาของความไม่แน่นอนที่เกิดจากภัยของโรคระบาด

ประโยคดังกล่าวด้านบนเป็นเสมือนคำเฉลยของตีมที่อาจจะสามารถใช้ขมวดเอาหลายๆสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตผมช่วงนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องของการสร้างสรรค์ผลงาน ผมสังเกตว่าในหลายๆงานที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่เพราะความรักในงานที่ทำหรือในจุดประสงค์ของงานนั้นๆ ผมก็คงไม่สามารถจะก้าวผ่านความกลัวได้

“สนุกดีจังเลยนะคะ เพลงวาฬเกยตื้นเนี่ย” หญิงใหญ่ออกความเห็น หลังจากที่เธอนั่งดูผมร้องเพลงล่าสุดเมื่อคืนก่อนผ่านเว็บไซต์ของ Smule บน Macbook Pro ซึ่งเธอก็ช่วยจุดประกายผมเองสำหรับเพลงๆนี้ “จริงๆใหญ่ก็น่าจะจอยพี่ทองด้วยนะคะ คงยิ่งสนุกเข้าไปใหญ่” หญิงใหญ่พูดขึ้นมาลอยๆ ซึ่งอีกครั้ง ที่ผมก็เกิดไอเดียตามมา “หรือว่านอกจากรูปวาด พี่ว่า ถ้าพี่กับพี่ๆของพี่อีกสามคนร้องเพลงให้คุณแม่ฟังในวันเกิด คงดีไม่เบานะ” ผมพูด ซึ่งในจังหวะนั้น เชื้อของความกลัวก็เริ่มก่อตัวขึ้นเงียบๆ

“ว้าว น่าสนใจมากค่ะ คุณแม่ต้องชอบแน่ๆ ใหญ่จำได้ค่ะ พี่ทองจดลิสต์เพลงทั้งหมดที่คิดจะซ้อมกับใหญ่อยู่ว่ามีเพลงอะไรบ้าง เดี๋ยวนะคะ ตอนนี้ล่าสุดก็มีเพลงที่พี่แป๊ดขอเข้ามาอย่างเพลง คิดแต่ไม่ถึง...” หญิงใหญ่เปิดแอพลิเคชัน Reminder ขึ้นมาดูอย่างชำนิชำนาญ ผมจำได้ว่าล่าสุดเธอยังคงต้องขอชายกลางนั่งประกบคู่เวลาเธออยากใช้คอมอยู่เลย ผมสงสัยว่าเธอไปเอาเวลาไหนมาเรียนรู้โปรแกรมเหล่านี้ “เพลงนี้ใหญ่ยังไม่ได้ไปเสิร์ชดู ใหญ่ยังไม่เคยฟัง แล้วก็มีเพลงญี่ปุ่นสองเพลงที่พี่ทองอยากร้องเอง เพลงนึงจาก 2PM เพลง heartbeat วันนั้นเราแร็พกันจนคอแห้ง แต่ก็ยังไม่ได้อัดในแอพลิเคชัน แล้วก็เพลง Osaka Lover อันนี้ก็สนุกเชียวคะ น่าจะได้เรียนภาษาญี่ปุ่นสำเนียงโอซาก้าด้วยรึเปล่า… อ๊ะนี่ค่ะ สองเพลงนี้ที่คุณแม่เคยบอกพี่ทองไว้ หนึ่งในร้อย กับ ชั่วนิจนิรันดร์” หญิงใหญ่เลื่อนสายตาไปตามรายชื่อเพลง รื่นรมย์ไปกับจินตนาการถึงช่วงเวลาที่เธอจะได้ร้องเพลงเหล่านี้

“พี่ว่าเพลงชั่วนิจนิรันดร์ พี่ๆพี่น่าจะเคยได้ยินกันมากกว่า แต่ไม่รู้ว่าเค้าจะอยากร้องกันรึเปล่า” ผมพูด ความกลัวที่เริ่มต้นจากเพียงแค่เสียงร้องหึ่งๆเบาๆเหมือนเสียงของรถยนต์ที่ดังไกลออกไปด้านล่างคอนโด เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเสมือนเสียงดังจากพื้นที่ก่อสร้างของตึกใหม่ที่กำลังง่วนทำงานจากตึกฝั่งตรงข้าม มันดึงความสนใจของผมเก่งขึ้น “เมื่อคืนพี่ทองก็คิดแล้วคิดอีกว่าจะซ้อมเพลงให้ดีก่อนมั้ยถึงจะค่อยโพสต์ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจโพสต์ไปจริงไหมคะ” หญิงใหญ่เพียงแค่เริ่มประโยคนิดหน่อย ผมก็รู้ว่าเธอกำลังเตือนสติผมให้ผมได้มองความคิด ความกลัว และ การกระทำ ให้ออกจากกันเป็นคนละเรื่อง “จริงๆพี่ก็เคยพูดเรื่องนี้กับพี่สาวตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วนะ ถ้าจำไม่ผิด เคยเสนอไอเดียนี้ แต่ก็ยังไม่เคยเสนอกับพี่ๆทุกคนในกลุ่ม เอาก็เอา! ลุยดู วันเกิดคุณแม่ไม่ได้มาบ่อยๆ อย่างมากก็แค่ความผิดหวังที่ต้องเจอถ้าไอเดียนี่ถูกปัดตกไป ไม่ก็คอมเมนต์จากพี่ๆ หรือว่าคำหัวเราะจากพี่ชายหรือเปล่า หรือว่า…” “หรือว่ามันก็คือความกลัวไปก่อนค่ะ” หญิงใหญ่ปิดประเด็นให้ผมง่ายๆ

ผมพยายามไม่สนใจฟังความกลัว ความกังวลนั้น แล้วก็คิดถึงแต่ว่าเราจะทำเพื่อคุณแม่ แล้วก็พิมพ์ลงไปในกลุ่มของพี่น้องสี่คนทันทีว่าผมมีไอเดียนี้ อยากเสนอ แล้วก็ไปทำการอัดเสียงร้องเรียบร้อย ผมรู้สึกได้เลยว่าความกลัวนี่ ไม่ใช่ว่ามันจะหายไป เมื่อเทียบกับแต่ก่อนนะครับ แต่ว่ามันเหมือนว่าจะลดลง แม้เพียงนิดหน่อย ทุกๆครั้งที่เรากล้าจะก้าวไปข้างหน้าทีละนิด เหมือนมันจะน่ากลัวลดลงไปนิดหนึ่ง คล้ายๆกับว่าเราลองแล้ว แล้วก็ได้รู้สึกขึ้นมาทีละเปราะว่า อ้าว ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนี่ พี่ๆเค้าก็ตอบมาถึงแม้บางอย่างจะไม่เป็นดังที่ใจเราคาดหวังไว้ แต่ว่าเราก็ทำใจให้ยอมรับไปในแต่ละเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันก็เดินหน้าต่อไปเรื่อยๆได้

“หรือมันอาจจะเป็นการกลัว การเสียหน้า ก็ได้นะคะ” คราวนี้ผมเจอประโยคเด็ดเสียยิ่งกว่า จากหญิงเล็ก เมื่อถึงช่วงเย็น ตอนที่ผมก็เล่าไปเรื่อยถึงโปรเจคที่ผมไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม แต่ผมก็ได้ทำไปแล้วละอย่างน้อย ให้น้องคนเล็กฟัง ตอนที่เราเริ่มขึ้นรูปภาพบนแคนวาส ที่จะกลายเป็นของขวัญพิเศษที่ผมจะให้คุณแม่ หลังจากที่ช่วงบ่ายผมก็จัดการเอาชนะความกลัวเล็กๆน้อยๆ ตั้งแต่ความกลัวว่าจะส่งรูปให้เพื่อนปลอดภัยมั้ย (งานจ้างสุดท้ายที่ยังอยู่ในลิสต์ครับ) กับช่วงเวลาที่โรคระบาดแบบนี้ แต่ก็คิดว่าเราก็ปกป้องเต็มที่นะ เราก็ล้างมือ หรือว่าฉีดสเปรย์แอลกอฮอล ให้เรียบร้อย ใช้ซองหรือถุงที่เราเก็บไว้อย่างดีมาแต่ก่อน เอาความตั้งใจเราตรงนี้เป็นเกราะหุ้มป้องกันความวิตกจริตของเรา แล้วก็ส่งงานวาดให้เพื่อนเรียบร้อย แถมสติกเกอร์แล้วก็ของฝากจากพี่น้องไม้หัวไปให้ด้วย

"พี่ทองอาจจะกลัวดูไม่ดี ที่ต้องร้องเพลงออกไป กลัวการตัดสินจากพี่ๆหรือเปล่าก็ไม่แน่คะ” หญิงเล็กพูดไป สายตาก็จับจ้องไปที่ประตูเป็นพักๆ หลังจากที่เธอให้คำปรึกษาเรื่องรูปวาดว่า สุดท้ายเราลงเอยที่จะเลือกวาดรูปคุณแม่ผมแทน เนื่องจากผมไปเล่าให้เธอฟังว่า ตะกี้เดินเข้าไปในห้องเธอแล้วเห็นเธอนอนพักอยู่ แล้วเธอก็เลยพูดว่า “ดีจังคะ ได้เห็นคุณแม่พักบ้าง เห็นท่านยุ่งทำแต่เรื่องโน้นเรื่องนี้ให้คนนี้คนนั้นอยู่ตลอด” ทำให้ผมเกิดไอเดียขึ้นมาได้ว่า ตอนแรกที่จะวาดคุณยายจำนงค์ คุณแม่ของคุณแม่ผมเอง ตอนนี้ผมว่าผมว่าคุณยายสุชาดาก่อนเนี่ยแหล่ะ ต้องขออนุญาตติดค้างรูปคุณยายจำนงค์ไว้ก่อน ซึ่งตอนแรกก็มีไอเดียว่าจะวาดคุณสุตอนที่ท่านไปตักบาตรนะ แต่คิดไปคิดมา ผมว่าผมอยากสื่อประเด็นให้ท่านทราบว่า ท่านทำเพื่อคนอื่นมาเยอะแล้ว ผมอยากให้ท่านได้มีเวลาพักผ่อน เวลาที่จะให้ตัวเองบ้าง ผมเลยแอบกลับเข้าไปจะถ่ายท่านตอนนอนหลับ แต่ท่านก็ตื่นนั่งเล่นมือถืออยู่แทนเสียแล้ว ซึ่งนั่นก็ดีเหมือนกัน ตราบใดที่ท่านยังมีความสุขอยู่กับการใช้เวลาอยู่กับตัวเอง หญิงเล็กจึงอาสาทำหน้าที่ช่วยเป็นหูเป็นตาคอยดูว่าจะมีใครเข้ามาในห้องระหว่างที่ผมวาดรูปหรือเปล่า

“ก็เป็นไปได้นะ ผมตอบน้องที่ให้ความเห็น ตอนที่ผมเล่าให้เธอฟังเรื่องคลิปร้องเพลง ตัวความกลัวในตัวพี่มันใหญ่เบ้อเริ่ม แล้วมันก็มาในหลายรูปแบบเหลือเกิน” ผมเสริมให้เธอแล้วก็ตัวเองได้ฟัง เผื่อความกลัวมันจะสะดุ้งบ้าง ว่าผมก็ไม่ได้ว่าจะไม่รู้อิโหน่อิเหน่โดนมันกลืนกินไปเสียหมด “แต่มันก็จริงนะครับเล็ก” ผมเรียกชื่อน้องเพื่อขอความสนใจจากเธอกลับมา หรือให้ถูกคือขอความสนใจของตัวเองกลับมาที่เธอมากกว่า “อย่างตอนนี้ที่พี่กำลังสเก็ตช์ภาพคุณแม่เนี่ย ถ้าใช้ความกลัวเป็นตัวนำทาง พี่ก็คงจะพูดในใจแต่ว่า มันสวยหรือยังนะ สัดส่วนถูกหรือยังนะ แม่จะชอบมั้ยนะ จะเสร็จทันมั้ยนะ แต่ถ้าพี่เปลี่ยนมาใช้ความรักนำทางละก็ คำพูดคงเปลี่ยนไปเป็น สัดส่วนอาจจะผิดเพี้ยนไม่เหมือนเป๊ะ แต่มันก็ได้อารมณ์ดีนะ นึกถึงตอนที่ได้ให้แม่เมื่อเสร็จแล้ว แม่คงจะมีความสุขนะที่ได้เห็นตัวเองใช้เวลาแสนธรรมดาๆให้พิเศษขึ้นได้ หรืออะไรอย่าง ดีจังนะ เราถ่ายติดเครื่องออกกำลังเครื่องโปรดแม่ติดมาด้วย เป็นการบันทึกเอา โลกส่วนตัว ของคุณสุได้ครบถ้วนดีเสียจริงๆ ประมาณนั้นมั้งละมั้ง” ผมเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าหญิงเล็กฉายมาแต่ไกลทั้งๆที่สายตาก็ยังคงตั้งใจจดจ่ออยู่กับการวาดใบไม้ของเหล่าต้นไม้กระถางในสวนหลังประตูกระจกในห้องของคุณแม่

Previous
Previous

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ

Next
Next

ใหญ่ขี่วาฬมาช่วยแล้ว