Day 7 of 7 : อาทิตย์แรกก็คงไม่เสร็จสินะ บทหนังอนิเมชั่นของเรา

9:42pm ยังไม่ได้ปิดจ๊อบงานเขียนของคลาส Seth Fried เลย แล้วก็ยังจะอยากกลับไปอ่านที่เขียนไว้แล้วก่อนด้วยเพื่อทำความเข้าใจ Beggining, Middle, End ของเรื่องราวอีกที แล้วก็ยังอยากเอาสิ่งที่เรียนจาก Readery, Neil Gaiman แล้วก็ Pixar in a Box มาใช้ด้วย (ยังไม่รวม Masterclass, skillshare, e-book, books, youtube videos อีกเนี่ย)

ยังไงซะตอนนี้อยากจะมาทำแบบฝึกหัดจาก Pixar in a Box ก่อน

Warm up: elevator test

เค้าให้เลือกตัวละครมาหนึ่งตัวจากหนังที่เราชอบ เค้าจะมีปฏิกิริยาต่อสถานการณ์ที่จะต้องติดลิฟท์ยังไง วาดหรือเขียนออกมาหนึ่งหน้ากระดาษว่าเกิดอะไรขึ้นน่ะ

เราเลือก Murph จาก Interstellar แล้วเขียนได้ดังนี้

" 'นี่มันเกิดอะไรขึ้น' เมิร์ฟคิดในใจ พลางเงี่ยหูฟังว่าตอนนี้มีเสียงทำงานของเครื่องยนต์ของลิฟต์หรือเปล่า 'เป็นไปได้ยังไง ลิฟต์ของสถาบันวิจัยแห่งนี้จะมาติดแบบนี้ เป็นไปไม่ได้ หรือถ้าเป็นไปได้มันก็คงจะเกิดขึ้นแค่ 0.00001 % เท่านั้น เพราะว่านอกจากสถาบันแห่งนี้จะมีทุนล้นเหลือจาก NASA แล้ว ตึกนี้ก็ยังเป็นตึกที่สร้างขึ้นมาล่าสุดเพื่ออุทิศให้กับการสำรวจการเดินทางสู่ดาวเสาร์ 'ให้ตายเถอะ นี่มันเสียเวลาเราไปอยู่โข ทั้งๆที่เข้าใกล้ความจริงของการหาคำตอบว่าตอนนี้พ่อติดอยู่ที่ไหนได้แล้วแท้ๆ แต่ดันต้องมาเจอเหตุขัดข้องแบบนี้' เมิร์ฟมองนาฬิกาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ถึงแม้เวลาแท้จริงแล้วช่วงเวลาตั้งแต่ที่ลิฟท์เริ่มหยุดนิ่งยังผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาที เธอกดไปยังปุ่มที่มีสัญลักษณ์กระดิ่งสีเหลืองค้างไว้ แล้วจากนั้นก็มีเสียง ป๊ด ดังขึ้น เธอรู้ดีกว่ามันต้องกดค้างไว้จนกว่าจะได้ยินเสียงของเจ้าหน้าที่ตอบกลับมา ตั้งแต่เธอโตมา เธอมีประสบการณ์ติดลิฟท์อยู่ทั้งหมดสามครับ ครั้งแรกเมื่อตอนเธอไปเที่ยวกับพ่อที่นิวยอร์กตั้งแต่เด็ก ตอนที่พ่อกับแม่ยังไม่เลิกกัน ครั้งที่สองตอนที่เราไปเที่ยวกับที่ต่างประเทศ ไม่สิ เราไม่น่าจะได้ไปเที่ยวหรอกเพราะว่าพ่อเป็นนักบินไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น ครั้งที่สองก็คือตอนที่เธอเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย ที่ตึกซึ่งเธอมีโอกาสจะโดนติดลิฟท์มากที่สุดแล้วล่ะเพราะว่าเธอเข้าออกตึกนั้นแทบทุกวันตอนที่เรียนหนังสือที่คณะวิทยาศาสตร์สาขาฟิสิกส์ ครั้งนั้นก็เป็นครั้งที่เธอโมโหมากเพราะเธอกำลังจะเข้าได้เข้าเข็มกับการแก้สมการควอนตัมเชิงซ้อน เพียงแต่เธอต้องไปเจอแฟนหนุ่มที่รอเธออยู่ที่ด้านล่างของตึก ครั้งที่สามก็คือตอนที่เธอทดสอบ simulation จำลองลิฟท์ในยานอวกาศซึ่งสถาบันที่เธอทำงานอยู่สร้างเพื่อทดสอบความปลอดภัยของระบบการทำงานของเครื่องยนต์ต่างๆ ซึ่งแน่นอนหนึ่งในการทดสอบก็คือการทำให้เจ้าหน้าที่ตกอยู่ในสภาพที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากพูดจาก intercom ซึ่งนั่นก็คือบทเรียนที่เธอกำลังนำมาใช้ในตอนนี้ 'สวัสดีครับ' เสียงผู้ชายดังออกมาจากลำโพงซึ่งน่าจะซ่อนอยู่ที่เพดานของลิฟท์ 'คุณดอกเตอร์เมิร์ฟ พวกเราเห็นคุณแล้วครับ กรุณารอสักครู่นะครับ ตอนนี้เราผมสาเหตุของเหตุขัดข้องน่าจะมาจากการรบกวนของคลื่นเม่เหล็กไฟไฟ้าที่ไหลออกมาจากอุกาบาตชิ้นล่าสุดที่สถาบ้นเคลื่อนย้ายมาจากประเทศไทยที่อ่าวไทยเมื่อสองอาิทตย์ที่ผ่านมา คลื่นดังกล่าวส่งผลให้ลิฟท์ต้องหยุดทำงานครับ' เมิร์ฟฟังสิ่งที่เจ้าหน้านี่พูดพลางนึกภาพตาม 'ต้องใช้เวลานานกี่นาทีคะ กว่าลิฟต์จะสามารถทำงานได้อีกครั้ง' เมิร์ฟถามด้วยนำ้เสียงเรียบนิ่ง ถึงเธอจะรู้สึกใจร้อน รอไม่ไหวจนแทบจะคลั่งยังไงก็ตาม เธอก็ไม่เคยต้องระเบิดอารมร์ใส่เพื่อนร่วมงานเลยสักครั้ง เพราะเมื่อเธออยู่ในการทำงาน เธอจะมีความเป็นมืออาชีพมาก เธอมองต้นแบบของเธอก็คือดอกเตอร์ผู้ชายคนนั้นอ่ะ ที่เป็นนายบ้านของแบทแมน ไมเคิลคอร์ใช่ เป็นตัวอย่างไอด้อลในเรื่องนี้ จะมีก็แต่ตอนที่เธออยู่กับที่บ้านเท่านั้นที่เธอจะสามารถเป็นตัวเองได้จริงๆ กล้าที่จะเปิดเผยทุกอย่างหให้ได้รู้ 'น่าจะอีกประมาณ 30 นาทีครับดอกเตอร์เมิร์ฟ' 'เข้าใจแล้วค่ะ รบกวนด้วยนะคะ' เมิร์ฟบอกทางผู้พูดผ่าน speaker ฉล้วเธอก็พยายมเล็กน้อยที่จะสลัดเสียงในหัวออกไได้สำคร฿่ก่อนจะโอ้ยไม่ใช่ง่วงปะเนี่ยมึง เธอบอกว่ารบกวนด้วนยะคะ แล้วจากนั้นเธอก็มัดผมเธอขึ้นสูง ก่อนจะลงนั่งขัดสมาธิลงที่ตรงกลางห้อง ปากเธอก็คคาบไอโฟนไว้ แน่น เสียจน พอก่อนง่วงมมากน่ะ บาย ลืมจัดวเลาอยู่ป่เนี่ย เหมืเหามหมดเวลายังวะเนี่ย โฮ้ย ง่วงมากเลยเด้อ เขียนไปน่าจะประมาณ 20 นาทีเหรอ 15 อะไรแบบนี้มากกว่ามั้ง โฮเคมาเขียนต่อเพราะยังไม่ถึงหน้า พอเธอนั่งขัดสมาธิลงหน่อย เธอก็เริ่มทำสมาธิ พยายามที่จะลืมหน้าพ่อของเธอ หรือเสียงขอความช่วยเหลือของพ่อออกก่อนเป็นอย่างไร เพราะเธอรู้ว่านี่คือช่วงเวลาที่กำลังท้าทายให้เธอทำการใหญ่ ดังนั้นใจเธอต้องนิ่งมาก่อน เธอจะปลีกวิเวก เวลาที่เธอไม่ได้ทำงาน ลาหยุดพักร้อน ช่วงปลายปี ไปยังธิเบตกับแฟนหนุ่มของเธอเป็นประจำทุกปี เรื่องของพ่อเธอที่จากเธอไปตั้งแต่เด็ก ถึงแม้จะเป็นแรงผลักดันให้เธอเรียนฟิสิกส์เพื่อจะมาเป็นนักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์ในการหาคำตอบว่าพ่อเธอตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว นอกจากแรงจูงใจจากพ่อเธอแล้ว สิ่งนึงที่เธอได้มาด้วยก็คือความวิตกกังวล ซึ่งถึงแม้พี่ชายของเธอจะล้มเลิกความคิดที่ว่าพ่ออัยังอยู่ไปแล้ว แต่สำปรับเธอ เธอยังคงเชื่อเสมอ เพราะว่าพ่อเธอได้ให้คำสัญญาไว้แล้วว่าจะกลับมา ดังนั้น เธอจึงยังมีความโกรธสุมอยู่ในใจลึกๆว่าทำไมพ่อต้องมาให้คำสัญญาในสิ่งที่ตนเองอทำไม่ได้ อารมร์ทั้งหมดทั้งมวลที่อยู่ในเธอนี้นำพาให้เธอต้องหาที่พึ่งทางจิตวิญญาณ เธอจึงเริ่มศึกษาหมดตั้งแต่ปรัชญาตะวันตก ตะวันออก รวมถึงเรื่องราวของศาสนา เธอชอบวิธีการเพ่งกสิณมากที่สุด ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะลูกลมๆของเทคนิกนี้ช่วยย้ำเตือนให้เธอนึกถึงดาวดาวที่อยู่นอกโลกซึ่งพ่อของเธอน่าจะกำลังสำรวจอยู่ที่ไหนสักอห่งก็เปนต้"

Previous
Previous

Week 2 | Day 1 of 7 มันมาใหม่แล้วครับ

Next
Next

Day 6 of 7 : ศึกษาศิลปะการเล่าเรื่องจาก Pixar in a Box | Khan Academy