หมายเลข 4
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่จิตวิญญาณนักวาดของผมคงกำลังระเหเร่ร่อนไปหลบอยู่ที่ไหนสักแห่ง บางทีผมอาจจะฝากชายกลางไปถามสมเสร็จ ว่าเค้าดูดฝันร้ายผมมากไปหรือเปล่า ไม่หรอก ผมว่าไม่เกี่ยวอะไรกับสมเสร็จทั้งสิ้น คงเป็นใจผมเองที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของบุคลิกลักษณะ ยิ่งเกี่ยวกับแบบทดสอบจาก MBTI ผมเลยใช้เวลาส่วนใหญ่อ่านบทความบ้าง หรือลิสต์กี่เป็นเหมือน Fun Fact เล็กๆน้อยๆ แล้วก็พักการวาดรูปไว้ก่อน แน่นอนว่าพอเป็นเรื่องความรู้หรือเรื่องราวใหม่ๆ ชายกลางก็จะโผล่มาขอร่วมวงสนทนาด้วย และในเมื่อมันเกี่ยวข้องกับความเข้าใจตัวเอง หญิงเล็กก็จะโผล่ออกมาเช่นเดียวกัน
“กลางยังไม่เคยลองทำบททดสอบเลยครับ” ชายกลางทักขึ้นมา หลังจากที่เค้ามองผมส่งลิงค์บททดสอบฟรีให้กับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ หลายๆคนผ่านทางไลน์ "พี่ก็อยากให้เราทำนะ เราทั้งห้าคนนั่นแหล่ะ แต่ทำเสร็จแล้วยังไม่ต้องบอกคำตอบพี่นะ พี่อยากทายนิสัยพวกเราไปเรื่อยๆก่อน ลุ้นดีๆ ไว้ว่างๆก็มาเปิดคอมทำได้เลย” ผมบอกทั้งชายกลางและหญิงเล็ก ซึ่งทำสีหน้ามึนงงเล็กน้อย กับ เพื่อนๆในอดีตของผมที่หลายคนก็ไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว ยิ่งสำหรับน้องไม้หัว คงนึกออกกันออกยาก ถ้าไม่ใช่เพื่อนๆที่เคยมาที่ห้องผมด้วยแล้ว
“จริงๆพี่ทายก่อนเลยก็ได้นะ สำหรับกลางเนี่ย ถ้าพูดถึงตัวอักษรตัวแรก ซึ่งบอกเรื่องของการรับพลังงานของเรา มี E กับ I ย่อมาจาก Extraversion กับ Introversion อันนี้ชัดมากเหมือนกันนะ พี่ว่าเราน่าจะเป็น I นั่นคือ เราได้พลังจากการปลีกวิเวกอยู่คนเดียว กลางว่ามั้ย” ผมถามน้องชาย ซึ่งตอนนี้กำลังมองดูรูปฮิปโป โฆษณาจากสวนสัตว์เขาเขียว ในหน้าต่างแชทระหว่างผมกับโจ่ย เพื่อนสาวตั้งแต่สมัยเรียนที่สาธิตจุฬา “ก็เป็นไปได้รนะครับ แล้ว E คือการรับพลังเมื่อได้อยู่กับคนอื่นๆเหรอครับ” ชายกลางถามกลับมาอย่างมีไหวพริบ “ใช่แล้ว ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ว่าพี่ก็จะขอเดาว่าพี่ชายใหญ่ กับ หญิงใหญ่ก็น่าจะเป็น Extravert สังเกตจากพี่จะเห็นชายใหญ่ชอบชวนเราไปนอนดู Netflix ด้วยกันเสมอๆ ส่วนหญิงใหญ่ก็ค่อนข้างชัดมาก พอว่างจากซ้อมเพลงกับพี่ ก็จะเห็นพี่เค้ายืมไอแพ็ดพี่ไปเล่นวิดิโอคอลหาเพื่อนระเบียงบ้านอยู่บ่อยๆ นี่ตั้งแต่กลับมาจากอังกฤษ ก็ยังอัพเดทเรื่องราวไม่ทันเกินโปรเจคแรกของที่ RCA เลยมั้ง” ผมหัวเราะนิดๆ แล้วจึงว่าต่อ
“ส่วนตัวถัดไปก็คือ N กับ S ย่อมาจาก Intuition กับ Sensing อันนี้คือการรับข้อมูล ถ้า S ก็รับผ่านประสาททั้ง 5 ถ้า N ก็จะเป็นเรื่องของการใช้จินตนาการ ซึ่งอันนี้กลางก็ชัดมากๆว่าน่าจะเป็น N นะครับ” ชายกลางพนักหน้าตามผมไปเรื่อยๆ สีหน้าเริ่มดูเหม่อลอยเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังคิดภาพเจ้าฮิปโปอยู่หรือเปล่า “ต่อมาตัวที่สามก็คือ T กับ F มาจาก Thinking กับ Feeling ซึ่งเป็นเรื่องของการตัดสินใจละทีนี้ ว่าเราตัดสินใจตามอะไรระหว่างตรรกะกับความรู้สึก ตัวนี้พี่จะเดาของคนอื่นไม่ค่อยถูก พี่เดาว่าเราอาจจะเป็น Feeling ละกัน เดาจากหนังสือที่กลางเลือกมาอ่านก็จะดูแตกต่างไปตามจังหวะอารมณ์ความรู้สึกเราช่วงนั้นๆ ส่วนตัวอักษรสุดท้ายก็คือ P กับ J นั่นคือ Perceiving กับ Judging ซึ่งคนแบบ J ก็จะชอบการวางแผนงาน ส่วนคน P ก็จะชอบด้นสด ประมาณนั้น ซึ่งพี่ว่าเราน่าจะเป็น J นะ พี่เห็นกลางก็แชร์ออแกไนเซอร์มูจิกับพี่ จดลิสต์ไว้เสมอว่าล่าสุดมีหนังสือที่จะอ่านอีกสามเล่ม พร้อมลงวันเวลาที่จะอ่านไว้เรียบร้อย อันนี้ตรงข้ามกับพี่ที่เป็น P มากๆ” กลางฟังผมไป บางช่วงก็ยิ้มเหมือนมีเลศนัย ประมาณว่าผมจะเดาใจเค้าถูกหรือไม่ “น่าสนุกมากครับ ไว้เดี๋ยวผมจะหามาเปิดคอมทำดูครับ” ชายกลางตอบผม ตอนแรกผมกะจะทายหญิงเล็กต่อ แต่เหมือนเธอจะขอตัวไปหาอะไรทานเป็นของว่างในครัว น่าจะได้ทานมังคุดจากระยองฮิ ผลไม้โปรดของเธอ เพราะที่บ้านเพิ่งจะได้มาใหม่อีกสองกล่องใหญ่
ผมส่งแบบทดสอบให้กับผู้คนที่รู้จัก พร้อมทั้งเขียนชื่อพวกเค้าลงไปในตารางส่วนตัวเพื่อจะได้ทำความเข้าใจเรื่องของบุคลิกผ่านเพื่อนๆเราได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น จนตอนนี้เก็บครบไปประมาณ 11 ประเภทได้แล้ว ที่หายากหน่อยก็คงเพื่อนๆที่เป็น Extravert แล้วก็มีเพื่อนๆประมาณสองคนได้ส่งแบบทดสอบชนิดใหม่มาให้ผมได้ลองทุก เรียกว่าแบบทดสอบ Enneagram Personality ผมใช้เวลาทำครู่นึง จากนั้นจึงไหว้วานให้น้องกลางช่วยแปลให้ฟังหน่อย
ผมค่อยๆฟังน้องชายกลางพูดอธิบายประเภทของผม ซึ่งกล่าวจากผลสรุปแล้ว จากไทป์ทั้งหมด 9 ไทป์ เหมือนผมจะได้ไทป์หมายเลข 4 ซึ่งเค้าอธิบายว่าเป็นคนที่มองว่าตัวเองแตกต่างจากผู้อื่น แล้วก็จะมีความรู้สึกอิจฉาในสิ่งที่คนอื่นมีแต่ว่าเราไม่ได้มี
หลังจากจบเซสชั่นนี้ ผมก็สั่งอาหารนั่งทานที่โต๊ะ ระหว่างนั้นหญิงเล็กก็คงพยายามอยากจะทบทวนสิ่งที่เธอได้ฟังพี่ชายกลางแปลให้ผมฟัง เธอก็เลยดำดินไปโผล่บนชั้นหนังสือ แล้วก็พิจารณาถึงเรื่องการวาดภาพของผมว่า บางที การที่ผมต้องพยายามสร้างสรรค์งานอยู่เสมอ ก็เป็นเหมือนการที่ผมพยายามจะอุดช่องว่างที่มีในใจให้เต็มหรือไม่