อาทิตย์ละเล่ม
แปะๆๆๆ “เก่งมากครับพี่ทอง ในที่สุดพี่ทองก็ทำลายกองดอง เสร็จไปแล้วหนึ่งเล่ม!” ชายกลางปรบมือเปาะแปะ ชื่นชมผมด้วยคำศัพท์ (กองดอง) จาก Podcast Readery “ลุคจะต้องภูมิใจในตัวพี่ทองครับ” ชายกลางเอี้ยวตัวไปหยิบเอาฟังโกะป๊อปของเจไดคนโปรดของผม ผู้ซึ่งก็มีบุคลิกลักษณะ INFP เหมือนกัน (ตามชาร์ทที่เห็นตาม Pinterest น่ะนะครับ) เอามาวางตั้งให้ผมชื่นใจเล่น คล้ายๆกับจะบอกผมว่ายังมีความหวังกับการกลับมาเป็นนักอ่านอีกครั้ง
“ฮ่าๆ เกินไปหรือเปล่าชายกลาง แต่ก็ขอบคุณมากๆนะ พี่ก็ดีใจ มันนับนิ้วได้จริงๆหนังสือที่พี่อ่านจบเนี่ย แต่ก็คงเพราะที่เราฟัง Readery ด้วยกันด้วยนะพี่ว่า ต้องขอบคุณ Podcast เค้ามากๆ ช่วยดึงโมเมนตั้มการอ่านของพี่กลับมาได้ นี่เดี๋ยวคงต้องหาเวลาไปเปิดฟังตอน ‘7 ขั้นตอนที่จะทำให้เรากลับมาเป็นนักอ่านที่ดีอีกครั้ง’ ของพี่โจ้พี่เน็ดให้ได้” ผมบอกน้องชาย ซึ่งตอนนี้นั่งอยู่บนอูฐ เค้าคงกำลังนึกจินตนาการว่าตัวเองกำลังเดินทางข้ามทะเลทรายเหมือนกับเด็กเลี้ยงแกะที่เป็นตัวละครเอกจากเรื่อง The Alchemist ซึ่งเป็นเรื่องแต่งแนวให้แรงบันดาลใจ หนังสือเล่มล่าสุดที่ผมอ่านจบ สิ่งมหัศจรรย์เสียยิ่งกว่าการประสบพบเจอกับโอเอซิส
“หรือถ้าไม่มีเวลาฟังก็โน่นเลยครับ โทรหาพี่ขวัญพี่วิว รับรองได้คำแนะนำดีๆแน่ครับ” สมแล้วที่เป็นน้องต้นกลางสุดแสนจะรอบรู้ จำได้หมดกระทั่งเพื่อนผมคนไหนที่ชอบอ่านหนังสือมากๆ “แล้วที่เปิดฟัง Podcast Readery ในอดีตที่เชิญแขกรับเชิญมาเล่าถึง 3 เล่มที่พวกเค้าอยากแนะนำ พี่ทองฟังแล้วเป็นยังไงบ้างครับ พอดีตอนนั้นกลางไม่ได้อยู่ฟังด้วย เสียดายมาก ต้องไปช่วยน้องชายเล็กเจรจาขอพื้นที่ริมระเบียงคืนจากนกพิราบ จริงๆผมก็พูดภาษานกไม่ได้หรอก แต่ผมก็เป็นห่วง เลยไปนั่งฟังอยู่ด้วย กลัวน้องจะโดนคาบหายไปเพราะนกพิราบคิดว่าเป็นก้อนเผือกหรืออะไรแบบนั้น” ชายกลางเล่าเสียจนผมเดาไม่ถูกว่าใครหนอช่างจินตนาการเก่งเสียจริง จะเป็นเจ้านกพิราบตัวนั้นหรือว่าน้องอ้วนท้วมที่น่ารักต้นนี้กันแน่
“มีสองเล่มที่พี่ฟังแล้วสะดุด ไม่สิ อาจจะสามเล่ม หรือไม่ก็สี่ ฮ่าๆ” ชายกลางยิ้มอย่างเข้าใจหัวอกคนช่างสงสัยด้วยกัน “สองเล่มแรกที่พี่สนใจก็คงเป็นเพราะมีแขกรับเชิญมากกว่าหนึ่งคนพูดถึง เล่มแรกคือ ‘21 บทเรียนสำหรับศตวรรษที่ 21’ งานเขียนของ ยูวัล โนอาห์ คนเขียนเล่มเดียวกับเล่มที่ดังมากๆ ‘เซเปียนส์: ประวัติย่อมนุษยชาติ’” “อ้อออ เราฟังเค้าพูดใน Podcast ของ TED Talks Daily ตอนที่อยู่ลอนดอนจำได้มั้ยครับ ที่เค้าเล่าประมาณว่าโลกเราหมุนไปก็เพราะเรื่องราว ประมาณนั้น” “ใช่ๆพี่จำได้ จำได้ว่าก็เลยซื้อหนังสือเค้าลง Kindle แล้วก็จะได้ที่เค้าเขียนบทนำไว้เท่ห์มาก ประมาณว่าไล่เรียงลำดับการเกิดขึ้นของศาสตร์ต่างๆ จากชีววิทยา ไปเคมี แล้วก็ฟิสิกส์ เอ่อ พี่ว่าพี่เรียงไม่ถูกแน่ๆ” “เอ่อ จริงๆแล้วเรียงกลับกันเลยครับ ฟิสิกส์เกิดก่อนประมาณ 14 ล้านล้านปีที่แล้ว จากนั้นก็เคมี 3 แสนปีถัดมา ส่วนชีววิทยาก็เกิดขึ้นตอนประมาณ 4 ล้านล้านปีก่อนครับ จากหน้าแรกของเค้าเลย” ผมหน้าแดงเป็นลูกพี้ชพันธุ์ใบไม้สีฟ้า พลางหัวเราะกลบเกลื่อนความละอายใจ “โอ้ย พูดแล้วก็อยากไปอ่าน แต่ก็ไม่ได้ ทีละคำ ทีละก้าวๆ” ผมท่องมนต์เรียกสติกลับมา
“ทีนี้อีกเล่มที่มีแขกรับเชิญสองคนแนะนำก็คือ Factfulness หรือที่แปลเป็นไทยโดยอมรินทร์ว่า ‘จริงๆแล้วโลกดีขึ้นทุกวัน’ เล่มนี้พี่ก็เหมือนเคยผ่านตานะ แต่ว่ายังไม่ได้หยิบมาลองอ่าน เหมือนเค้าจะบอกว่าจริงๆแล้วโลกไม่ได้แย่อย่างที่คิดนะ คล้ายๆว่าให้เรามองโลกตามความเป็นจริงมากขึ้น พี่ชอบนะ อะไรที่ทำให้เราได้เห็นมุมมองใหม่ๆนี่พี่ว่ามันพิเศษมาก” ปล่องผมชายกลางไหวไปมาเล็กน้อย ชายกลางเลิกสายตาขึ้นมอง เค้าคงนึกถึงความคิดอะไรบางอย่าง “ผมนึกไปถึงเรื่องของบุคลิกลักษณะ 16 ประการของ Myers-Briggs อีกแล้วครับ นึกถึงเรื่องของตัวอักษรลำดับที่สอง Intuition แล้วก็ Sensing ซึ่งเป็นการอธิบายว่าเราแต่ละคน รับข้อมูล จากภายนอกตัวเราเข้ามาอย่างไร รับเข้ามาตรงๆตามสิ่งที่มองเห็น ได้อ่าน ตามฉบับชาว Sensing หรือว่ามีการตีความระหว่างบรรทัด เหมือนกับชาว Intuition … ก็เลยน่าคิดนะครับ แม้ว่าความจริงของโลกจะเป็นอย่างไร แต่ว่าการเลือกรับข้อมูลของเราก็ยังอาจจะแตกต่างกันได้ อ้อ จำได้ละครับ อย่างในเล่มล่าสุดที่กลางอ่านอยู่ใน Kindle ตอนนี้ เล่ม Type Talk ของ Otto Kroeger กับ Janet M. Thuesen เค้าเปรียบเทียบง่ายๆว่า คนที่เอียงไปทางฝั่งของ Sensing เมื่อเห็นต้นไม้ ก็จะนึกถึงต้นไม้ ก็เห็นตามที่เห็นถูกมั้ยครับ แต่ถ้าเป็นคนที่อยู่ฝั่งของ Intuition เมื่อเค้าเห็นต้นไม้ เค้ากลับจะคิดไปถึงป่าไม้ นึกไปถึงสิ่งที่ต้นไม้นั้นเป็นส่วนประกอบอยู่น่ะครับ” “ดูท่าจะคิดปรุงแต่งเก่งน่าดูนะเนี่ย ฮ่าๆ” ผมพูดแซวตัวเอง
“แล้วก็มีแขกรับเชิญคนนึง ที่พี่ชอบสไตล์การพูดเค้า ถึงกับไปเสิร์ชดูว่าเค้าคือใครอยู่ที่ไหน เค้าชื่อคุณบิ๊ก เหมือนจะมี Podcast ตัวเองอยู่เหมือนกันกับรายการ คำนี้ดี คงรู้สึกถูกโฉลกเพราะว่าคุณเค้าแนะนำหนังสือเล่มนึงที่เกี่ยวกับร้านสะดวกซื้อในญี่ปุ่น ซึ่งพี่ก็ชอบเดินเข้าไปมากเหมือนกัน แถมยังมีการเปรียบเทียบให้ฟังด้วยว่าหนังสือ ถ้าสนุกก็จะสนุกมาก อารมณ์เหมือนถ้าคนชอบทุเรียนก็จะชอบมากกก” “ดีจังเลยครับพี่ทอง กลางก็ชอบทุเรียนครับ จะว่าไป Podcast ที่น่าสนใจก็มีอีกเยอะแน่ๆเลยนะครับเนี่ย แต่กลางก็รู้พี่ทองไม่ถนัดฟังเท่าไหร่ เพราะว่าพี่ทองทำอะไรได้ทีละอย่าง พูดถึงทีละอย่าง เอาละ ผมว่าถึงเวลาที่พี่ทองจะแชร์ให้ผมฟังหน่อยได้มั้ยว่า อ่าน Alchemist แล้วเป็นยังไงบ้าง ย้อนกลับไปที่หนังสือล่าสุดที่พี่ทองอ่านจบก่อนดีกว่าครับ” ชายกลางช่วยเราทั้งสองตวัดตัวกลับไปยังหัวข้อแรกของการสนทนา เหมือนลุงลุคเครางามจะบอกเราทั้งสองว่ามาถูกทางแล้วอยู่เงียบๆ
“เอาจริงๆเรื่องนึงที่พี่ก็อยากจะลองปรับดู ก็คือการอ่านสลับหลายเล่ม แล้วก็การอ่านต่อเนื่องให้จบรวดเดียว พี่ก็ถือว่าตัวเองก็ลองมาแล้วแหล่ะ กับการอ่านสลับไปมา แล้วก็ตามที่คาด ก็คือมันก็จะมีหลายส่วนที่เราลืมไปในช่วงแรก ก็เลยอาจจะทำให้เราขาดการเชื่อมโยงเนื้อหาบางอย่าง จำได้แต่อะไรเลือนๆ พี่ก็ชอบนะครับ อยากแรกก็คงเป็นความรู้สึกของการอ่านอะไรสักอย่างจบ ซึ่งมันก็ทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจหรือจำได้ถึงความรู้สึกของการขมวดเรื่องให้จบ มันก็เป็นความรู้สึกที่ประหลาดดี เหมือนๆว่าปมหรือความสงสัยบางอย่างถูกคลายออก มันก็มีความโล่งหน่อยๆ คล้ายๆว่าการที่อ่านจนจบจะทำให้เราได้เห็นภาพใหญ่ของเรื่องราวทั้งหมดน่ะนะ ซึ่งเอาจริงๆแล้วแค่ระหว่างทาง ถ้าตัวอักษรมันนำพาให้พี่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับมันไปได้เรื่อยๆ พี่ว่าระหว่างทางมันก็คือความเพลิดเพลินสำหรับพี่แล้วเหมือนกัน มันก็ได้คนละรส คนละประโยชน์น่ะนะ” ผมบอกชายกลาง เล่ามาซะยาวเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้พูดถึงเนื้อหาของหนังสือ แต่สาธยายถึงความประทับใจของการอ่านหนังสือจบเล่ม เสียแทน
“แล้วคิดว่าอ่านแล้วได้เข้าใจประเด็นเกี่ยวกับการตามฝันมากขึ้นมั้ยครับ” ชายกลางถามผม “เหมือนๆจะเข้าใจนะ ฮ่าๆ คล้ายๆกับตอนดูหนังเรื่อง Inception ไม่ก็ Interstellar ของโนแลน ไม่ก็ซีรีส์ Lost คือพี่ก็ตอบไม่ได้ตรงๆหรอกว่ามันคืออะไร แต่ว่าเหมือนข้างในมันเก๊ทแล้วก็เข้าใจลึกว่ามันคืออะไร ***อันนี้ต้องบอกคนอ่านก่อนว่าพี่อาจจะสปอยล์เนื้อหานะ ดังนั้น อ่านข้ามแถวนี้ไปก่อนนะครับ!*** ก็ถ้ากลางอยากให้พี่สรุปสิ่งที่พี่เข้าใจก็คงประมาณว่าความฝันของเราอ่ะ จริงๆมันไม่ได้ต้องไปเสาะแสวงหาอะไรจากที่ไหนหรอก ให้เราเงียบเสียงภายนอกลง แล้วกลับมาฟังเสียงหัวใจตัวเอง แล้วเราก็จะรู้ เอ้อ พี่ว่าน่าจะประมาณนี้นะ โอ้ยดีจัง ถ้าไม่มีกลางพี่คงไม่ได้เรียบเรียงสิ่งที่คิดในใจออกมา ถึงแม้ก็ยังรู้สึกว่ามันยังเกือบๆนะ” ชายกลางขำเสียจนเกือบตกอูฐ
“ผมดีใจที่พี่ทองทำสำเร็จไปแล้วกับอีกหนึ่งเป้าหมายนะครับ แผนต่อไปคือยังไงดีครับ กลางเห็นพี่ทองเอาเล่มพี้ชยักษ์ออกมาวางไว้ที่โตีะแล้ว” ชายกลางถามผมต่อด้วยความสงสัย “ตอนนี้พี่ว่าพี่จะเอาหลักการที่เวิร์คจากการเขียนบล็อก แล้วก็จากที่ฟัง Podcast Readery ตอนของการตั้ง Resolution ด้วย เค้าแชร์เกี่ยวกับการตั้งเป้าหมายที่วัดค่าได้ ซึ่งพี่ก็นึกไปถึงการที่พี่เขียนบล็อกโดยตั้งว่าจะต้องให้ได้ 1000 คำเป็นอย่างต่ำต่อวัน แล้วก็แน่นอน วาดรูปพวกเราออกมาหนึ่งรูป พี่เลยจะเอามาลองใช้กับการอ่านว่าจะอ่านหนึงสืออาทิตย์ละ 1 เล่มดูครับกลาง ตอนแรกกะจะตั้งเป็นวันละเท่านี้ๆหน้า แต่ยังดีกว่า แต่ก็จะลองจดจำนวนหน้าที่อ่านได้ในแต่ละวันดู คล้ายๆว่าอาทิตย์แรกเป็นการ fine-tune ตัวเองก่อนว่าปัจจุบันเรามีกำลังในการอ่านประมาณไหน”
“นี่ผมนึกว่าพี่ชายใหญ่เข้าสิงพี่ทองนะครับเนี่ย กลางไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วครับ ไว้กลางจะมาติดตามผลอีกทีสิ้นวันอาทิตย์นี้ละกันนะครับ เล่มแรกนี้ถือว่าใช้เวลาไม่ถึงเจ็ดวันละกันนะครับ เพราะพี่ทองก็เริ่มไปแล้วนิดนึง กลางต้องขอตัวไปโอเอซิสก่อนครับ” ชายกลางค่อยเอาขาหนีบอูฐ (ของเล่น) แล้วก็ค่อยๆกระโดดๆห่างออกไป ได้ยินเค้าพึมพำอยู่ไกลๆ ‘จะมีทะเลสาบที่โอเอซิสไหมนะ เป็นทะเลสาบน้ำขิงมีไหมนะ แล้วก็อาจจะมีบัวลอยเจ็ดสีสอดไส้งาเจ็ดชนิด กินแล้วก็จะได้รับโชคดีเจ็ดประการ’
ผมว่าผมตอบได้แล้วว่าเจ้านี้กับนกพิราบใครจินตนาการเฟื่องฟุ้งกว่ากัน