เรื่องเล่าใต้ห้องนอนตอนที่ 10 : ศึกษาชมรม

'โปสเตอร์อะไรกันนะ แปลกดี เป็นวงกลม แต่นี่มันก็ค่อนข้างเปลืองกระดาษนะเนี่ย เค้าตัดที่เหลือออกไปไหนหรือเปล่านะ แล้วมันก็อ่านยากซะด้วย กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว งั้นเหรอ ชายกลางมาอ่านแล้วต้องชอบแน่ๆเลย ว่าแต่เราไม่ได้คุยเรื่องหนังเรื่องหนังสือกับน้องมาสักพักแล้ว ก็มัวแต่จัดของเก็บบ้านอยู่เนี่ยนะ ทำไงได้ บ้านเก่าอยู่ไม่ได้แล้วนี่นา แต่ที่ใหม่ก็ดูดีออกนะ มีเพื่อนบ้านดูเป็นมิตรดีออกด้วย'

ชายใหญ่กำลังค่อยๆเอียงคออ่านประกาศจากชมรมต่างๆบนบอร์ดติดข่าวสารของโรงเรียนพฤกษาแมกไม้ซึ่งอยู่บริเวณลานหญ้านิ่มหลังโรงเรียน เขาไม่ทันได้สังเกตว่าที่นั่งอยู่ไม่ไกลคือน้องสาวเค้าซึ่งกำลังนั่งคุยทำความรู้จักอยู่กับเพื่อนรุ่นพี่ที่ชื่อว่ายี่หร่า

'โรงเรียนพิศวงงั้นเหรอ แค่คำว่าพิศวงก็ฟังดูทำให้น่าสนใจแล้วเหมือนกันนะ จะว่าไปเราก็คิดถึงบรรยากาศการพูดคุยเรื่องหนังกับใครที่ชอบเหมือนๆกันอยู่เหมือนกันนะ ตอนก่อนย้ายโรงเรียนมาก็เคยคุยกับแอสพารากัสอยู่เหมือนกัน ตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้วนะ ตั้งแต่ไปเรียนที่อังกฤษ คงจะมีชีวิตที่ดีน่าดู ไม่ได้ติดต่อมาเลย ถ้าเราไปเข้าชมรมบ้าง จะได้คุยเรื่องนี้กับคนใหม่ๆเผื่อแลกเปลี่ยนความคิดรึเปล่านะ จะมีใครชอบหนังแนวสงครามหรือว่าแนวอัตชีวประวัติอะไรแบบนี้บ้างมั้ยนะ ไม่ลองไปแล้วก็คงไม่รู้'

ชายใหญ่เอียงคอจนสาวๆเบอรี่ที่เดินผ่านหัวเราะคิกคัก พวกเธอคงคิดว่าเค้ากำลังออกการบริหารตอนกลางวันหลังทานข้าวเสร็จ 'ตึกชมรมเหรอ อ้อ ตึกนี้เพิ่งสร้างเสร็จเทอมนี้เองนี่นา ปีที่แล้วยังเป็นโครงไม้อยู่เลย โรงเรียนเค้าไปหางบมาจากไหนกันนะ เรื่องนี้ต้องมาจากอาจารย์จำปาเป็นคนผลักดันแน่นอน จะมีใครพูดจากหว่านล้อมได้เก่งเท่าเธอแล้วล่ะ ตึกชมรม ห้อง 7 ชั้น 3 หอมใหญ่ หอมใหญ่งั้นเหรอ เคยเจอแต่หัวหอมสีม่วงที่เป็นนักวิ่งกรีฑาประจำโรงเรียน หอมใหญ่คนไหนกันนะ'

ชายใหญ่หยิบเอาสมุดขึ้นมาจากกระเป๋าซึ่งพาดอยู่ข้างตัวมาจดข้อมูลให้เรียบร้อย เค้าเปิดไปที่ส่วนของ 'งานโรงเรียน' แล้วก็ไปต่อที่ส่วนย่อยของ 'กิจกรรม' แล้วจึงบรรจงจดอย่างตั้งใจ เค้าคิดเสมอว่าเวลาจะจดอะไรต้องเขียนให้อ่านออก เพราะว่าเผื่อถ้ามีใครยืมสมุดเค้าไปใช้ จะได้เป็นประโยชน์ได้ด้วย แล้วเค้าก็จะจดด้วยปากกา ไม่ใช่ดินสอ เพราะเค้าคิดว่าข้อมูลที่จดด้วยดินสอ ถ้าเกิดว่าผ่านไปนานๆอาจจะเลือนลางได้ง่ายกว่าปากกา นอกจากข้อมูลของชมรมเล่าเรื่องที่เค้าสนใจแล้ว เค้ายังจดข้อมูลชมรมอื่นๆที่สนใจไปในทีเดียว สำหรับเค้า การใช้เวลาให้คุ้มค่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เค้ารู้เวลามันไม่เคยคอยใคร เรื่องนี้ทำให้เค้านึกถึงพ่อกับแม่ แล้วก็เหตุการณ์ที่ทำให้เค้ากับน้องๆต้องย้ายมาอยู่ที่บางกระเจ้า เมื่อมี่กี่เดือนก่อน นอกจากชมรมเล่าเรื่อง ก็มีชมรม D.I.Y ที่ชายใหญ่จดไว้ว่าจะไปแวะชม ซึ่งโฆษณาว่า มาเป็นฮีโร่ให้โลกนี้กันเถอะ! ด้วยการรู้จักใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า เหมือนว่ากระดาษที่ใช้เขียนจะมาจากเศษกระดาษที่หัวหน้าชมรม คุณกก จะทำเองกับมือ  แล้วก็มีชมรมถ่ายภาพ อันนี้เค้าจะไปสนใจได้ยังไง ในเมื่อบนโปสเตอร์เป็นภาพขาวดำที่ดูมีสีสันมาก เนื่องจากเป็นการใช้สีดำที่หลากหลายเฉด เป็นลักษณะเหมือนภาพที่ถ่ายจากมุมสูง สูงจนชายใหญ่สงสัยว่ามันมีวิธีถ่ายแบบนี้ด้วยเหรอ เป็นมุมของสี่แยกในกรุงเทพฯ ถึงแม้เค้าจะไม่ค่อยได้เข้าเมืองบ่อย แต่เค้าก็เคยเห็นสี่แยกนี้บ่อยจากนิตยสารที่พ่อเคยหยิบมาฝากเค้าจากที่ทำงาน เพราะว่าเจ้านายไม่ได้ต้องการแล้ว เหมือนจะชื่อว่าสี่แยกราชประสงค์ ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็คงมองไม่เห็นหรอกว่าในภาพนั้นมีช่างภาพซ่อนตัวอยู่ แต่เพราะว่าเค้าได้ยินนักเรียนที่สนใจชมรมนี้เหมือนกันยืนคุยกันชี้ไม้ชี้มือไปตรงกลางภาพ เค้าเลยสังเกตเห็นว่า ใกล้ๆเสารั้วสะพานลอย เมื่อมองดีๆจะเห็นเป็นพี่มะกอกยืนเต๊ะท่าอยู่ เค้าจำพี่มะกอกได้แม่น เพราะเคยอยู่ชมรมหมากรุกด้วยกันเมื่อปีที่แล้ว จำได้ว่าพี่เค้าเคยบอกไว้ว่าอยากจะตั้งชมรมเหมือนกัน แต่ว่าช่วงนั้นเหมือนเค้าจะวุ่นกับการส่งงานถ่ายภาพประกวดระดับมัธยมของเขต เลยยังไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้นเท่าไหร่ พอสักครู่นี้ที่เค้าเห็นน้องๆมุงดูกัน เค้าเลยปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทันที

'เท่านี้ก่อนละกัน ถ้ามากกว่านี้เราคงไม่สามารถโฟกัสเรื่องการเรียนได้ สามเป็นตัวเลขที่กำลังดีทีเดียว อาหารยังต้องกินสามมื้อ สวดมนต์ก็ต้องไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถ่ายรูปก็ต้องนับ 321' ชายใหญ่รู้สึกดีทุกครั้งที่สามารถจัดการสิ่งที่อยากจะทำให้เสร็จภายในเวลา เค้าวางแผนไว้ตั้งแต่ทานข้าวเที่ยงเสร็จจากโรงอาหารว่าจะมาเช็คดูรายชื่อชมรมให้ทันก่อนคลาสเรียนช่วงบ่าย กระนั้น เค้าก็ลืมคำนวณไปว่าตอนนี้ปัจจัยได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อน้องสาวเค้ากำลังขึ้นสู่ปีแรกของระดับมัธยมไปพร้อมกับเค้าด้วย

"พี่ชายใหญ่ขาาาาาาาา" เสียงหญิงใหญ่ดังมาจากด้านหลังทำเอาเค้าสะดุ้ง เค้าหันไปกอดน้องสาวคนโตของเค้า เค้ายังอดภูมิใจไม่ได้ที่ช่วยกวดข้อสอบให้น้องสาวมากับมือจนน้องสาวสามารถเข้ามาเรียนที่โรงเรียนเดียวกับเค้าได้สำเร็จ "คิดถึงจังเลยค่ะ ขนาดไม่เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง ทางนี้เพื่อนของใหญ่หญิงเองค่ะ คุณพี่ยี่หร่าค่ะ" คุณพี่ยี่หร่าอมยิ้มเบาๆ เธออดดีใจไม่ได้ที่หญิงใหญ่แนะนำเธออย่างสนิทสนิมให้กับพี่ชายของเธอ "สวัสดีค่ะ พี่ชายใหญ่สินะคะ ปีที่แล้วชั้นก็คุ้นๆหน้าคุณอยู่ แต่ยังไม่เคยได้ทักกัน ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะคะ" แล้วทั้งสองก็เริ่มคุยแนะนำตัวกัน จังหวะนั้น หญิงใหญ่ก็หันไปมองเห็นแครอทสาวสวย กำลังเต้นโชว์กลุ่มคนชมรมการแสดง แล้วเธอก็แปลกใจที่เป็นครั้งแรกๆที่เธอรู้สึกอิจฉา แล้วเธอก็แอบแลบลิ้นเบาๆโดยที่ไม่มีใครได้เห็น

Previous
Previous

เรื่องเล่าใต้ห้องนอนตอนที่ 11 : แก๊งเบอร์รี่

Next
Next

เรื่องเล่าใต้ห้องนอนตอนที่ 9 : ซุ้มอาหาร