เรื่องเล่าใต้ห้องนอนตอนที่ 11 : แก๊งเบอร์รี่

"เธอดูพี่กล้วยสองคนสิ น่ารักเนอะ" สตรอว์เบอรี่บอกเพื่อน

"นี่ เธอกินแก้วพลาสติกอีกแล้วนะ ทำไมไม่เอาขวดน้ำพกมาเอง รู้มั้ยมันกลายไปเป็นขยะได้น่ะ" ราสเบอร์รี่ไม่สนใจที่เพื่อนกำลังชี้ให้ดูคู่หูกล้วยชื่อดังของโรงเรียน

"ชั้นขอโทษ เธอก็ต้องฟังชั้นก่อนสิ ชั้นไม่ทันได้บอกร้านเค้า เค้าก็เอามาให้ซะแล้ว" สตรอว์เบอรี่บอก

"งั้นก็ไม่ใช่ความผิดใครหรอกนะ ถือซะว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่น่าพิศมัยก็แล้วกัน" แบล็กเบอรี่แทรกขึ้นมา

ตอนนี้แก๊งเบอรี่ทั้งห้ากำลังนั่งซ้อมบทกันอยู่ที่โต๊ะริมสุดใต้ต้นทองอุไรซึ่งตอนนี้ยังไม่ออกดอก ทั้งห้ารู้ว่าชมรมร้องเล่นเต้นแสดงนั้นได้รับความนิยมมาก จึงรีบมานั่งจองที่เกิดบูธจะเปิดรับสมัครตอนช่วงพักเที่ยง พวกเธอรู้จักชมรมนี้เสียตั้งแต่ก่อนมาเข้าเรียนที่โรงเรียนพฤกษาแมกไม้เพราะว่าประธานชมรมคือคุณกระดังงานั้นมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั้งหมู่บ้านเบอร์รี่ ทำไมน่ะเหรอ เพราะท่าเต้นที่ได้แรงบันดาลใจมากจากผลไม้เบอร์รี่ของเธอกับเพลง เบอรี่ที่รัก นี่สิ ทำให้พวกเธอได้ยินแต่ชื่อของพี่กระดังงาตั้งแต่ก่อนเข้าสมัครเรียนที่โรงเรียนนี้เสียอีกด้วยซ้ำ

"พวกเธอต้องรักกันมากกว่านี้หน่อยนะ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ใช่พี่น้องกัน แต่เราก็มาจากหมู่บ้านเดียวกัน" เชอร์รี่บอกขึ้นมา เธอเป็นคนที่รักครอบครัวแล้วก็เพื่อนบ้านเบอร์รี่ด้วยกันมาก "ตอนนี้เราทั้งหมดกำลังจะไปทำตามฝันกัน Girl Group เบอร์รี่ผลไม้สุดเปรี้ยงปร้างจะต้องเกิดขึ้นในโลก Social ให้ได้" "จะ Social แค่ไหนกันเชียว ก็แค่ Social ในหมู่มวลมนุษย์ต้นไม้ด้วยกันเท่านั้นล่ะน่า "ราสเบอร์รี่ขัดขาเพื่อนขึ้นมาอีกครั้ง จริงๆเธอก้ไม่ได้ชอบนักหรอกถ้ากลุ่มจะต้องไม่ลงรอยหรือทะเลาะกัน แต่นี่เป็นวิธีพูดของเธอที่จะทำให้เธอเป็นที่สนใจในหมู่เพื่อนฝูง"

"ชั้นเตือนพวกเธอแล้วนะ ว่าชมรมนี้นิยมมาก แล้วชมรมเค้าก็ไม่สามารถรับสมาชิกได้ทั้งหมด ต้องมีการแสดงเพื่อไว้พิจารณาคัดเลือก เธอดูนั่นซะก่อน คุณแครอทน่ะ ได้ข่าวว่าเค้าฮอตมาก โดนเลือกเข้าไปเป็นเชียร์ลีดเดอร์ตั้งแต่อาทิตย์แรก ผิวสีส้มเปล่งปลั่งน่าดึงดูด นั่นไง หนุ่มมะกอกมองจนตาเยิ้มแล้วดูสิๆ" สตรอว์เบอรี่บอกเพื่อนๆ ซึ่งตอนนี้ทอดสายตามองไปยังจุดที่เธอพูดถึง คงจะมีก็แค่แบล็กเบอรี่ที่เข้าใจสตรอว์เบอรี่ว่ามะกอกคืออะไร เบอร์รี่คนอื่นๆไม่ค่อยได้สนใจเสียเท่าไหร่ว่าโลกของมนุษย์ต้นไม้เป็นยังไงบ้าง เธอสนใจมากกว่าว่าเมื่อไหร่พวกเธอจะได้ออกเต้นบนเวทีเสียที

"ชั้นเชื่อเธอสตรอว์เบอรี่ มา เรามาซ้อมบทกันต่อก็ได้ สรุปเราจะเล่าเรื่องครอบครัวทะเลาะกันใช่มั้ย" แบล็กเบอรี่ทำหน้าที่เลขาอย่างดี ช่วยสตรอว์เบอรี่ดึงทุกๆคนกลับมาที่งานตรงหน้า "สตรอว์เบอรี่จะเป็นแม่ ชั้นจะเป็นพ่อ ส่วนราสเบอรี่เป็นลูกชายคนโต เชอรี่เป็นพี่สาวสตรอว์เบอรี่ แล้วเธอ นี่เธอยังไม่เลิกซึมอีกเหรอ บลูเบอร์รี่!" แบล็กเบอรี่จับตัวบลูเบอรี่เขย่าให้ตื่นจากภวังค์ "ชั้นขอโทษพวกเธอด้วย ถ้าพวกเราจะไปไม่ถึงฝั่งฝันก็คงเพราะชั้นนั่นแหล่ะที่ถ่วงพวกเธอไว้ ชั้นมันแย่ ขนาดแค่ไพ่เปิดมาก็ยังกลับหัว ชั้นว่าชั้นไม่อยากจะเรียนตอนบ่ายแล้วล่ะ" บลูเบอรี่พูดด้วยนำ้เสียงเศร้าสร้อย

"บลูเบอรี่จ๊ะ ชั้นก็ไม่ได้รู้เรื่องของการทำนานยเปิดไพ่อะไรมากหรอกนะ แต่ชั้นก็เชื่อว่าทุกอย่างมันไม่แน่นอน ดูสิ พวกเราสิบคนฝึกซ้อมที่จะเข้ามาเรียนโรงเรียนนี้ด้วยกันแทบตาย สุดท้ายก็มีแค่พวกเราห้าคนเท่านั้นที่ทำสำเร็จ เราต้องอาศัยโอกาสที่ดีนี้ไขว่คว้าประสบการณ์ให้ได้ดีที่สุดแทนดีกว่านะจ๊ะ เรื่องที่เธอไปเปิดไพ่มากับพี่มะเฟืองน่ะ อย่าเพิ่งเก็บมาคิดมากเลย" สตรอว์เบอรี่บอก

"โอ๊ย ความดราม่าน่ะ เอามาใส่ในบทละครกันดีกว่าจ้ะบลูเบอรี่ เรามาเล่นละครกันดีกว่า เธอได้บทเป็นตัวเองของเรื่องเลยนะ ลูกสาวคนเล็กเนี่ย มา เรามาลองซ้อมบทกันอีกสักครั้ง ก่อนที่พี่กระดังงาจะมาเห็นพวกเราที่ไม่พร้อมแบบนี้" ราสเบอรี่พูดเกลี้ยกล่อมให้เพื่อนออกจากความคิดมากได้ชั่วครู่ แล้วทั้งห้าก็เริ่มต้นซ้อมบทกันอีกครั้ง

ตอนนี้ทุกคนก็หยิบสมาร์ทโฟนออกมาเพื่อเปิดดูบทที่แบล้กเบอรี่เป็นคนเขียน

"เห้อ หนักจังเลย มาซี้อต้นไม้ที ถือไม่ไหวแล้วค่ะพ่อ" บลูเบอร์รี่ซึ่งรับบทเป็นลูกสาวของบ้านอ้อนพ่อ

"แค่นิดเดียวก็ถึงบ้านเราแล้ว ออกกำลังสักนิดหน่อยจะเป็นอะไรไปเล่า บลูน้อย" แบล็กเบอรี่ซึ่งรับบทเป็นพ่อทำเสียงให้ต่ำลงแล้วก็ทำหน่านิ่วคิ้วขมวดประกอบอารมณ์การแสดงของคุณพ่อซึ่งมีความรู้สึกไม่พอใจที่ลูกสาวต้องบ่นกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ

"คุณก็อย่าไปว่าลูกเค้านักเลยค่ะ ถ้าเรามีเงินพอจะถอยรถสักคัน เราก็คงไม่ต้องมาเดินกันเหนื่อยแบบนี้หรอก" สตรอว์เบอรี่ทำหน้าแหยแกใส่สามีของเธอ

"พ่อเค้าก็ทำงานหนักเต็มที่แล้วนะครับแม่ อย่าไปบ่นแบบนั้นเลยครับ" ราสเบอร์รี่ซึ่งรับบทเป็นลูกชายกระซิบเบาๆให้แม่ใจเย็นๆ

"ชั้นว่าเราทุกคนคงกำลังโมโหหิว ไม่ก็เป็นเพราะอากาศที่ร้อนเกินไป มานี่ๆ ชั้นจะขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงไอศกรีมเนยถั่วให้กับพวกเราเอง" ป้าเชอร์รี่บอกขึ้น "อาหารอร่อยนี่แหล่ะ ความสุขที่หาได้ง่ายๆ"

ทั้งสี่ยกเว้นเชอร์รี่ทำท่าตื่นเต้นปรบไม้ปรบมือเพื่อรอไอศกรีมจากคุณป้าผู้มั่งคั่งของเธอ เชอร์รี่ทำเป็นวิ่งไปด้านหลังต้นไม้เสมือนไปซื้อของแล้วก็เดินกลับมาหน้าละห้อย ทำเป็นเหมือนกำลังผิดหวังกับอะไรบางอย่าง

"เกิดอะไรขึ้นคะ" บลูเบอร์รี่ถามขึ้น "ไอศกรีมเนยถั่วหมดจ้ะ เสียใจด้วยนะ" แล้วบลูเบอร์รี่ก็ทำหน้าเศร้า ค่อยๆส่งเสียงกระซิกๆเหมือนจะร้องไห้ออกมา "แต่ป้ามีชีสเค้กหน้าไหม้มาฝากแทนจ้าาาาาาาาาา" ป้าเชอร์รี่หยิบก้อนหินที่แอบไว้ด้านหลังชูขึ้นเหนือหัว แล้วเพื่อนๆเบอร์รี่ที่เหลือก็ปรบไม้ปรบมือกัน

"โอเคดีมาก ชั้นว่านี่เป็นเนื้อเรื่องที่เยี่ยมที่สุดตั้งแต่ที่เราเคยเล่นกันมาเลย" สตรอว์เบอรี่พูดขึ้น แล้วทั้งห้าก็นั่งลงกินซาลาเปาไส้ครีมที่ซื้อมาจากบูธอาหารเมื่อครู่กันอย่างเงียบๆรอเวลาชมรมเปิดรับสมัคร

 

Previous
Previous

เรื่องเล่าใต้ห้องนอนตอนที่ 12 : ห้องสมุด

Next
Next

เรื่องเล่าใต้ห้องนอนตอนที่ 10 : ศึกษาชมรม