เรื่องเล่าใต้ห้องนอนตอนที่ 9 : ซุ้มอาหาร

"พักเที่ยงกันเถอะจ๊ะ" คุณครูผักบุ้งพูดไม่ทันจบประโยค ข้าวโพดกับพริกหยวกก็รีบดิ่งออกจากห้องเรียนทันที หญิงใหญ่ยังไม่ได้มีโอกาสรู้จักเพื่อนใหม่เท่าไหร่ เพราะเธอมัวแต่ตื่นเต้นกับวิชาเรียนอันหลากหลายที่โรงเรียนมัธยมนี้เปิดสอน เธอสงสัยว่าเวลานี้พี่ชายใหญ่จะหาอะไรทานหรือยัง แต่เดี๋ยวก่อนนะ เธอจะสงสัยพี่ชายเธอทำไมเนี่ย พี่ชายเธอเป็นไม้หัวที่ตรงเวลาที่สุดแล้ว

"ไปทานข้าวกันไหมคะ" หญิงใหญ่หันไปถามมะปราง ซึ่งนั่งอยู่ติดกับเธอในห้องเรียน พวกเธอทำความรู้จักกันคร่าวๆหลังจากอาทิตย์แรกของเทอมแรกที่โรงเรียนได้เริ่มขึ้น "วันนี้เราคงไปกินกับมะยมชิด ลูกพี่ลูกน้องเราน่ะ ไว้โอกาสหน้าละกันนะจ๊ะ" มะปรางตอบหน้าเสียๆนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

'ไม่เป็นไร' หญิงใหญ่บอกตัวเอง 'เดี๋ยวก็ค่อยลองชวนคนอื่นๆดูอีก' เธอเช็คว่าไม่ลืมของอะไรจากโต๊ะที่นั่งของเธอ แล้วก็ลุกขึ้นไปเก็บไม้กวาดที่ข้าวโพดกับพริกหยวกวิ่งชนหล่นอยู่ตรงพื้น ก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไปเป็นคนเกือบท้ายๆ

"เจอแล้ว!!!" หญิงใหญ่ตกใจเมื่อจู่ๆมีมือที่เป็นลักษณะเหมือนใบไม้ที่ขอบมีรอยหยักโผเข้ามากอดเธอเข้าจากด้านหลัง "สวัสดีจ๊ะ หญิงใหญ่!" หญิงใหญ่ฟังจากน้ำเสียงก็จำได้ทันทีว่านี่คือคุณพี่ยี่หร่า พี่สาวที่โตกว่าเธอหนึ่งชั้นปี พวกเธอเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน "ต๊ายตาย ว่าแล้วว่าเธอจะต้องอยู่แถวๆห้อง 4 ไม่ก็ห้อง 5 เนี่ยแหล่ะ เพราะห้องอื่นๆน่ะ ชั้นมีสายสืบอยู่หมดแล้ว หิวแล้วล่ะสิ" คุณพี่ยี่หร่าถอยตัวออกจากหญิงใหญ่เล็กน้อยเพื่อจะได้มองหน้าเธอชัดขึ้น

หญิงใหญ่ยังคงประหม่าเล็กน้อย ทั้งๆที่ปกติเธอไม่ได้เป็นคนกลัวคนอะไร แต่อาจจะเป็นเพราะความกระตือรือร้นเป็นพิเศษของคุณพี่ยี่หร่าที่ทำให้เธอแปลกใจอยู่นิดหน่อย "ส...สวัสดีค่ะคุณพี่ยี่หร่า ก็หิวนะคะ เมื่อเช้าก็ว่าทานมาเยอะแล้ว พอดีวันนี้ได้ทานข้าวกันพร้อมหน้ากับพี่น้องครบทุกคนด้วย เลยยิ่งทานเยอะเป็นพิเศษ" หญิงใหญ่ตอบ

"น่าร้ากกกกกกกกก ชั้นเนี่ยฝันอยากจะมีพี่มีน้องมาตั้งนานแล้วรู้มั้ย อยู่คนเดียวมันเหงานะ ลูกพี่ลูกน้องชั้นก็ดันไปเรียนเมืองนอกกันซะเยอะ เพื่อนเล่นเลยไม่ค่อยจะมี นอกจากพี่ชายที่ว่าอยู่ปีเดียวกับพี่ มีคนอื่นอีกเหรอจ๊ะ" จังหวะนี้ทั้งสองก็ค่อยๆก้าวเดินออกไปทางโรงอาหาร เหมือนท้องที่เริ่มส่งเสียงโครกครากของทั้งสองจะไม่ค่อยได้สนใจเรื่องราวที่ทั้งสองพูดคุยเสียเท่าไหร่

"มีสิคะ เรามีกันห้าคนค่ะ พี่ชายใหญ่ ใหญ่เอง ชายกลาง หญิงเล็ก แล้วก็ชายเล็กค่ะ นี่ก็ยังไม่รวมเพื่อนบ้านที่มาแวะเวียนหาสู่กันอยู่นะคะ" หญิงใหญ่ตอบ "น้องชายหล่อมั้ยละ" คุณพี่ยี่หร่าถาม "ว้าย ก็ หล่อสิคะ ทุกคนก็หล่อสวยเหมือนกันทั้งหมดนะคะ" หญิงใหญ่รู้สึกหน้าแดงขึ้นมาเมื่อจะต้องออกความเห็นที่เธอมองว่าค่อนข้างส่วนตัว "ฮ่าๆๆ เธอนี่น่ารักจริงๆ ชั้นล้อเล่นหรอก แกล้งถามไปอย่างงั้นแหล่ะ อ้าว มานี่ๆๆ" คุณพี่ยี่หร่าดึงหญิงใหญ่ไปทางด้านขวา ซึ่งเป็นทางที่ปูด้วยอิฐสีแดง หญิงใหญ่แปลกใจว่าโรงอาหารต้องเดินไปทางซ้าย

"ทำอะไรซ้ำเดิมทุกวันไม่เบื่อเหรอเธอ! เราไปซื้อข้าวทานกันดีว่า นี่เราอยู่มัธยมแล้วนะ นี่คือจุดเริ่มต้นเล็กๆของอิสรภาพ! ว้าย สวัสดีค่ะ" คุณพี่ยี่หร่าเงียบเสียงลงชั่วครู่ เพราะว่าผอ. มะละกอเดินลงบันไดวนจากตึกซึ่งตั้งอยู่ทางขวาลงมายังชั้น 1 พอดี "ซื้อข้าวทานเหรอ นักเรียน" ผอ. มะละกอ ขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในการจดจำชื่อของนักเรียนได้ดี เธอสามารถแยกออกหมด จะคะหน้าหรือแขนง สละหรือระกำ ขนุนหรือจำปาดะ ก็ไม่มีรายไหนเล็ดรอดเธอไปได้

คุณพี่ยี่หร่ามีน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย "ใช่ค่ะ สวัสดีวันศุกร์ค่ะผอ." แล้วเธอก็รีบผะงกหัวแล้วก็เดินฉับๆไปข้างหน้า แขนก็เกี่ยวหญิงใหญ่ให้ตามไปด้วย "ว้ายตายละ ชั้นเนี่ยสติแตกทุกทีเลยเวลาเจออาจารย์เนี่ย ตายๆๆๆ นี่มันช่วงพักเที่ยงแล้วแท้ๆ ทำไมแกยังไม่ไปทานข้าวเนี่ย ชั้นพูดอะไรไม่เหมาะสมออกไปรึเปล่าจ๊ะหญิงใหญ่" หญิงใหญ่รู้สึกตลกในใจ เพราะวิธีการพูดที่ดูจะไม่ค่อยลงรอยกับแบบแผนในสังคมของคุณพี่ยี่หร่าทำให้เธอนึกถึงน้องสาวของเธอ "คุณพี่ยี่หร่าก็สวัสดีวันศุกร์แกไปแค่นั้นเองค่ะ ถ้าจะให้ตอบละเอียด ก็อาจจะดูตัดบทไปซักนิดนะคะ แต่ก็หญิงใหญ่เข้าใจค่ะ พวกเราเพิ่งโดนเอ็ดกันมาเรื่องคุยกันในแถวมาสาย พวกเราอยู่กันห่างๆหน่อยช่วงนี้ก็ปลอดภัยดีแล้วมั้งคะ" หญิงใหญ่ยิ้มแหยๆในขณะที่คุณพี่ยี่หร่าพยายามสลัดสิ่งที่เกิดขึ้นชั่วครู่ออกจากหัว

"ชั้นนี่โชคดีจริงๆเลย ได้มาเจอเธอเนี่ย หญิงใหญ่ เธอตั้งใจมาสายเพราะจะมาคุยกับชั้นทุกเช้าใช่มั้ย ฮ่าๆๆ" คุณพี่ยี่หร่าพูดเองขำเอง หญิงใหญ่ไม่ทันได้ตอบอะไร แต่เธอก็รู้สึกดีเช่นกันที่ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนรุ่นพี่อัธยาศัยดีแบบนี้

"นั่นไงโต๊ะว่าง! เห็นมั้ย ตรงที่คุณแตงกวานั่งน่ะ หัวหน้านักเรียนเลยนะเนี่ย ไปนั่งแถวๆนั้น เผื่อได้ฟังเรื่องอะไรสนุกๆ เธอไปนั่งจองที่ไว้เลยนะ เดี๋ยวชั้นจะไปหาอะไรอร่อยๆเอง มื้อนี้ชั้นขอเลี้ยง!" หญิงใหญ่รู้สึกกลายเป็นคนขี้ประหม่าเกรงใจขึ้นมาอีกครั้งต่อหน้าคุณพี่ยี่หร่า เธอฟังพี่ชายใหญ่สอนเรื่องการใช้เงินอยู่ประจำ จนทำให้เรื่องเงินกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเธอในบางครั้ง แต่เธอก็ลังเลที่จะปฏิเสธน้ำใจของพี่สาวที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานเช่นกัน

ลานด้านหลังของโรงเรียนร่มรื่นเป็นพิเศษ ช่วงนี้อากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนบ้าง ซึ่งก็คงเป็นปัจจัยนึงที่นักเรียนสนใหญ่น่าจะเลือกไปทานข้าวกันในโรงอาหารมากกว่า สำหรับตัวเธอแล้ว เธอว่าเธอชอบที่จะนั่ง outdoor แบบนี้มากกว่า เธอจะได้มองดูต้นไม้ดอกไม้ แถมยังได้ฟังเสียงนกด้วย "ขอโทษนะคะ ขอร่วมโต๊ะด้วยนะคะ" หญิงใหญ่กระซิบถามกับคุณแตงกวา ซึ่งเหมือนกำลังบ่นพึมพำกับตัวเองว่าไม่น่าหยิบตะเกียบมาเลย เปลืองทรัพยากรไม่ได้ใช้ "เชิญสิคะ" คุณแตงกวาตอบอย่างเรียบๆ เพราะหญิงใหญ่มัวแต่สนใจคุณแตงกว่าแล้วก็สภาพแวดล้อมของลานซุ้มอาหารทำให้เธอเพิ่งสังเกตว่ามีอีกชีวิตนั่งอยู่ร่วมโต๊ะด้วย "อธิษฐานสิครับ" เธอถึงกับผงะ "ถ้าคุณอยากรับคำทำนายก็ อธิษฐานสิครับ" นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอเคยได้ยินเรื่องของคำทำนาย "เดี๋ยวเราขอทานข้าวกันก่อนนะคะพี่มะเฟือง" คุณพี่ยี่หร่าเข้ามาช่วยหญิงใหญ่ไว้ได้พอดีพร้อมกับไก่ทอดหอมกรุ่นในมือ หญิงใหญ่ไม่ได้รู้สึกติดใจอะไรกับการทำนาย เพียงแต่เธอหวังว่าจะมีเวลาตั้งตัวอีกสักหน่อย เธอขอบคุณคุณพี่ยี่หร่าแล้วก็นั่งลงที่โต๊ะ 'ชีวิตวัยมัธยมยังมีอะไรให้เห็นอีกเลยนะเนี่ย' เธอคิด

Previous
Previous

เรื่องเล่าใต้ห้องนอนตอนที่ 10 : ศึกษาชมรม

Next
Next

เรื่องเล่าใต้ห้องนอนตอนที่ 8 : Chef’s Table