เรื่องเล่าใต้ห้องนอนตอนที่ 12 : ห้องสมุด

"เลิกเรียนแล้วเหรอเนี่ย เหมือนเพิ่งจะเริ่มเรียนไปไม่นานเอง" หญิงใหญ่รำพีงรำพันออกมาไม่นานหลังจากที่ครูมะม่วงเดินออกจากห้องไปพร้อมกับหนังสือกองโต กับวิชาภาษาอังกฤษอ่านเขียน

"หญิงใหญ่รีบกลับมั้ยจ๊ะวันนี้" หญิงใหญ่ตกใจเล็กน้อย เมื่อมะปรางซึ่งนั่งอยู่ติดกับเธอหันมาถามเธอ เธอคิดว่ามะปรางจะยังไม่สนิทใจพอจะพูดคุยกับเธอเสียอีก ซึ่งเธอก็ไม่แปลกใจ เพราะโดยมากแล้ว จะเป็นเธอที่รุกออกไปเข้าหาคนอื่นก่อนในหลายๆครั้ง ถ้าไม่นับรวมคุณพี่ยี่หร่าน่ะนะ

"พอดีที่ครูมะม่วงแกว่าตะกี้เรื่องลิสต์หนังสืออ่านนอกเวลาที่แนะนำ ชั้นอยากจะลองไปเช็คดูที่ห้องสมุดจังเลย อยากรู้ว่าห้องสมุดโรงเรียนเราจะมีหนังสือดีๆเยอะมั้ย พอดีว่ามะยงชิดต้องรีบไปเข้าซ้อมหมากรุกที่ชมรมหลักเลิกเรียนด้วย ชั้นเลยลองชวนเธอดู" มะปรางพูดด้วยสีหน้าที่ปนกังวลเล็กน้อย ดูเหมือนเธอจะมีอะไรในใจที่ไม่พูดออกมา

"ได้สิจ๊ะ ชั้นดีใจมากเลยนะที่เธอชวน ชั้นขอเก็บของแป๊บนึงนะจ๊ะ" หญิงใหญ่รู้สึกตื่นเต้นไปเสียหมดกับเพียงอาทิตย์ที่สองของการเรียนที่โรงเรียน ไหนจะการบ้านวิชาเกษตรที่ให้ไปเลือกต้นไม้ที่อยากเพาะปลูกในกระถางจิ๋ว หรือว่าวิชาคณิตศาสตร์ก็ตาม แม้ว่าเธอจะไม่ได้ชอบคำนวณเท่าไหร่ แต่การบ้านที่สอนทำความเข้าใจเรื่องของการคำนวณสูตรปุ๋ยสำหรับต้นไม้ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจทีเดียว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยนิยมปุ๋ยเคมีเสียเท่าไหร่

หญิงใหญ่ใช้กระเป๋าผ้าซึ่งพี่ชายเธอช่วยสานมาให้จากวัสดุธรรมชาติ พี่ชายใหญ่จะสอนเสมอให้รุ้จักใช้ของจากธรรมชาติ เพราะเราก็ต่างมาจากธรรมชาติ บางทีพี่ชายใหญ่ก็จะชวนเธอย้อมผ้าจากสีธรรมชาติบ้าง ไม่ก็ทำขนมที่ต้องใช้สีธรรมชาติ เธอสงสัยว่าพี่ชายใหญ่ไปเรียนทำขนมมาจากไหน แต่ว่าคลาสทำขนมก็ไม่ได้มีมากเท่าคลาสผลิตวัสดุต่างๆที่จำเป็นต้องใช้ในบ้านหรอกนะ หรือว่าอาจจะเป็นพ่อกับแม่สอนไว้ก็ได้นะก่อนที่พวกท่านจะจากพวกเราไป ตอนนั้นหญิงใหญ่ก็ยังจำความไม่ได้เท่าไหร่ เอาแค่เรื่องในปัจจุบันเธอยังขี้หลมขี้ลืมขนาดนี้ แต่ก็ไม่รู้ทำไมเวลาเธอนึกถึงแม่ เธอจะได้กลิ่นเหมือนขนมกลีบลำดวนโชยมากับสายลมอยู่ทุกๆครั้ง เธอเก็บหนังสือเรียน เลือกแล้วเลือกอีกว่าจะเอาเล่มไหนกลับบ้านดี เล่มไหนทิ้งไว้ที่เก๊ะที่โรงเรียนดี สุดท้ายก็เอาตำราสมุนไพรเบื้องต้นกลับบ้าน หวังจะเอาไปแชร์ให้น้องชายกลางได้อ่านด้วย ไม่รู้ตอนนี้ชายกลางกับชายเล็กจะเป็นยังไงบ้าง ตอนเช้าชายเล็กดูจะยังกลัวๆนิดๆกับการต้องไปเริ่มเรียนที่โรงเรียนใหม่ แต่ก็ยังดีที่มีชายกลางไปเรียนเป็นเพื่อนกัน ชายเล็กไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรกับใครหรอก แต่ว่ากลัวคนอื่นจะมองว่าเค้าอ่อนแอแล้วก็อาจจะโดนแกล้งหรือเปล่านะ หญิงใหญ่เริ่มใจลอยอีกครั้งแล้วก็เรียกสติกลับมาได้ เมื่อได้ยินเสียงข้าวโพดกับพริกหยวกร้องเพลงโรงเรียนเสียงดังก่อนจะออกจากห้องไปเป็นคนแรกๆ

"ปกติเธอแบกหนังสือไปมาจากที่บ้านกับโรงเรียนตลอดเลยเหรอจ๊ะหญิงใหญ่" มะปรางถามหญิงใหญ่ เมื่อสังเกตเห็นกระเป๋าผ้าที่ดูมีน้ำหนักของเธอ ตัวเธอเองนั้นไม่ได้มีกระเป๋าผ้าแต่มีเหมือนกระเป๋าสะพายใบเล็กๆมีลายมังกรปักอยู่

"ใช่จ๊ะ ชั้นตื่นเต้นไปเสียหมดเลยกับวิชาใหม่ๆที่โรงเรียนสอน ไม่รู้เลยว่าเราจะต้องจำชื่อสมุนไพรให้ได้ตั้งแต่เทอมแรก มันท้าทายจริงๆ อ้อแล้วก็เล่มนี้ ดูสิจ๊ะ ภูมิประเทศสำหรับพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ชั้นก็ไม่รู้หรอกนะว่าตัวชั้นน่ะเป็นใบเลี้ยงเดี่ยวหรือว่าคู่ แต่ว่าภาพแผนที่ข้างในมันสวยมาก" หญิงใหญ่พูดพลางเปิดหนังสืออีกเล่มที่เธอหอบมาด้วยให้เพื่อนสาวดู

"ออ เล่มนี้เหมือนจะเป็นเล่มที่อยู่ในลิสต์ที่ไม่ได้จำเป็นต้องหาซื้อก่อนเริ่มเรียนนี่นะ ชั้นกะจะไปยืมจากห้องสมุดมาอ่านเล่นเหมือนกัน ชั้นฝันไว้ว่าซักวันจะไปเรียนภาษาจีนที่ประเทศจีนอยู่เหมือนกันจ๊ะ" มะปรางเอ่ยขึ้น

หญิงใหญ่เริ่มปะติดปะต่อลวดลายมังกรบนกระเป๋าของเพื่อนแล้วก็เพิ่งเข้าใจ "มะปรางชอบภาษาจีนเหรอจ๊ะ" หญิงใหญ่ถามเพื่อน

"ใช่ ช่วงนี้ชั้นติดซีรีส์จีนมากๆเลยล่ะ ชั้นชอบดูเสื้อผ้าหน้าผมในหนังมากๆ แล้วชั้นก็ชอบฟังเพลงจีนด้วยนะ แต่เป็นจีนกวางตุ้งนะจ๊ะ เคยฟังบ้างมั้ย" หญิงใหญ่แปลกใจเมื่อฟังเหมือนว่าภาษาจีนมีหลายชนิดหรือ "ไว้ว่างๆเราไปร้องคาราโอเกะกันมั้ยจ๊ะ" มะปรางเอ่ยปากชวนอีกครั้งทำเอาหญิงใหญ่ดีใจ

"แน่นอนสิจ๊ะ ชั้นก็ชอบร้องเพลงนะ เพียงแต่ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ร้องเท่าไหร่ แถวบ้านที่ชั้นอยู่ก็มีคุณป้าท่านนึงเสียงดีมาก คนในหมู่บ้านทุกคนรู้จักเป็นอย่างดี ดีจังเลยนะ การเป็นคนที่ใครๆก็ให้การยอมรับเนี่ย" หญิงใหญ่บอก

"แต่ถ้าเกิดวันนึงทุกคนรู้จักเธอ เดินไปไหนมาไหนก็มีแต่คนทัก เธอก็จะไม่ได้เหลือความเป็นส่วนตัวอีกต่อไปเลยนะ" มะปรางบอก หญิงใหญ่พยายามนึกภาพตาม แต่ก็ไม่สามารถจะลบภาพของการเป็นคนสำคัญท่ามกลางเสียงปรบมือของผู้คนออกไปจากหัวได้

มะปรางดูท่าจะต้องชอบอ่านหนังสือมากๆ เพราะว่าตอนที่ครูมะม่วงพูดถึงที่ตั้งคร่าวๆของห้องสมุด เธอจำได้ว่าแกพูดไว้ไม่ได้ละเอียดเท่าไหร่ แล้วเสียงแกก็ค่อนข้างเบาด้วย แต่นี่มะปรางกลับจำทางได้แม่นแล้วก็พาเดินไปได้อย่างง่ายๆ ห้องสมุดของโรงเรียนเป็นอีกหนึ่งอย่างนอกเสียจากเรื่องของคุณกระดังงาเซเลบบนโลกออนไลน์ ที่โรงเรียนนี้มีชื่อเสียงมาก เพราะว่าเล่ากันว่าเป็นห้องสมุดที่มีถึง 10 ชั้นด้วยกัน ชายกลางทำหน้าเศร้าทุกครั้งที่เธอพูดถึงโรงเรียนนี้ออกมา เพราะโรงเรียนที่เค้าอยู่ไม่ได้มีห้องสมุดใหญ่ขนาดนี้ เหมือนว่าท่านมังคุดผู้ก่อตั้งโรงเรียนจะเป็นคนที่ชอบเรียนรู้มาก หนังสือเกือบครึ่งของห้องสมุดก็มาจากท่าน เธอนึกภาพไปเสียแล้วว่าเธอจะต้องไปเยี่ยมที่นี่บ่อยมากแน่ๆ เพราะน้องชายกลางเธออาจจะอยากให้เธอยืมหนังสือออกมาแบ่งให้เค้าอ่านด้วยแน่ๆเลย

"ตายละ ชั้นลืมเอาบัตรนักเรียนมา เธอได้เอามามั้ยจ๊ะ" มะปรางตกใจเมื่อทั้งสองเดินมาถึงทางเข้าห้องสมุดซึ่งอยู่ชั้นใต้ดิน ในตึกที่มีรูปทรงเหมือนกับเห็ดแชมปิญองซึ่งตั้งอยู่ถัดจากอาคารของคณะอาจารย์ทางฝั่งตรงข้ามกับโรงอาหาร ใต้ดินนี้มีบรรยากาศที่เคร่งขรึมทีเดียว อาจจะเพราะว่าเปิดไฟไว้สลัวๆ ด้านหน้าของห้องสมุดมีเป็นเหมือนหน้าต่างกระจกขนาดยาว มีไฟที่ส่งลงไปบนปกหนังสือที่ถูกคัดเลือกมาวางแสดงไว้ แต่ละเล่มก็จะมีเหมือนคำอธิบายเล็กๆที่เขียนด้วยลายมือ เล่มแรกที่เตะตาเธอก็คงเป็น เล่มที่เขียนว่า ดามใจด้วยด้ามไมค์ หนังสืออะไรชื่อประหลาดพิกล แต่พอเห็นชื่อคนเขียนหน่อยก็เลยเห็นว่าคนเขียนก็คือพี่กระดังงานี่เอง คนอะไรเนี่ย ร้องเพลงได้ แล้วจะยังแต่งหนังสือได้อีก เพิ่งเรียนอยู่ ม. 6 แท้ๆเชียว

หญิงใหญ่หยิบกระเป๋าใบเล็กซึ่งพี่ชายใหญ่ก็เป็นคนสานให้เธอเองจากต้นกก “ปกติชั้นก็ไม่ใช่คนที่จะมีอะไรพร้อมแบบนี้หรอกนะ แต่ว่าก็คงเหมือนกับที่น้องสาวชั้นชอบบอกไว้ ดวงชะตาจะคอยนำพาชีวิตเราอยู่เงียบๆ จุ๊ๆ สินะ นี่จ๊ะ” หญิงใหญ่หยิบบัตรนักเรียนออกมาทาบกับเครื่องเซนเซอร์ที่หน้าทางเข้า “ยินดีต้อนรับ เวลคัม โยวโคโสะ ฮวนอิ๋งหนี่” มะปรางถึงกับกระโดดตัวลอยเมื่อได้ยินเสียงต้อนรับเป็นภาษาจีน แล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปในห้องสมุดพร้อมๆกัน

 

Previous
Previous

เรื่องเล่าใต้ห้องนอนตอนที่ 13 : มะปราง - มะยงชิด

Next
Next

เรื่องเล่าใต้ห้องนอนตอนที่ 11 : แก๊งเบอร์รี่