เรื่องเล่าใต้ห้องนอนตอนที่ 15 : ที่ของเรา

"ขอบคุณทุกคนมากครับ" ตอนนี้ชายใหญ๋มองเห็นต้นตอของเสียงผู้ชายที่ทำหน้าที่เสมือนผู้นำกลุ่มที่นั่งล้อมวงในชมรมความสัมพันธ์ หลังจากที่ไฟดับลงแล้วสว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่ไฟจากโคมระย้าเท่านั้น แต่ไฟทั้งห้องได้เปิดขึ้น ทำให้เค้ามองเห็นหน้าตาของสมาชิกชมรมทั้งหมดได้ชัดเจนขึ้น เหมือนว่าโฮสต์จะเป็นคุณมะไฟนี่เอง

"ไร้สาระที่สุด! ผมไม่อยากมาที่ชมรมนี้แล้ว! คุยไปก็วกกลับมาเรื่องเดิมๆ!!!" ชายใหญ่ตกใจเล็กน้อยเมื่อชายที่สักครู่ร้องไห้คร่ำครวญถึงคนรักในอดีตที่ทำให้เค้าเจ็บใจเหลือทน

"ชั้นเค้าใจเธอนะลิ้นจี่ ตอนแรกชั้นก็คิดว่าการมาพูดเรื่องราวเก่าๆมันทำให้ชั้นวนเวียนวกวนอยู่กับเรื่องเดิมๆเหมือนพายเรือในอ่าง แต่ชั้นว่าทุกครั้งที่ได้พูด เรื่องราวของเค้ามันก็ค่อยๆจางลงอยู่นะ แตงโมลูกใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างๆจับมือเพื่อนไว้แน่น

"ความรักนำพาซึ่งความสุข แต่ก็นำพาความทุกข์มาให้ด้วยสินะ" เสียงของเพื่อนอีกคน น่าจะเป็นพีช กำลังพิจารณามุมมองความรักในฉบับของตนเองอยู่กับตัวเอง

"อย่างที่ผมได้กล่าวไว้ในครั้งแรกของการเข้าชมรมของทุกท่านนะครับ ในที่นี่ เราจะไม่มีการตัดสินอะไรใดๆทั้งสิ้น ทุกท่านมีสิทธิ์ จะเล่าหรือไม่เล่า สิ่งที่ค้างคาหรือไม่ในใจ จะพร่ำบ่น หรือจะแชร์อย่างสนุกสนาน ก็เป็นเรื่องที่ท่านเลือกเองทั้งนั้น แต่เราจะเปิดพื้นที่อย่างอิสระให้ท่านได้เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ เพราะเราเชื่อว่านั่นจะเป็นพลังให้กับท่านได้" มะไฟซึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าชมรมพูดต่อ
"ตอนนี้เรามีสมาชิกเกือบจะครบที่ชมรมจะรับสมัครได้ละนะ" เสียงของมะกรูดกระซิบมาจากข้างๆในขณะที่ชายใหญ่กำลังอินกับบทสนทนาของเหล่าสมาชิกชมรมที่ล้อมวงอยู่เบื้องหน้า "คุณสนใจสมัครเข้าชมรมเราไหมคะ" มะกรูดถามขึ้น

ชายใหญ่กลืนน้ำลายแล้วก็ตอบว่า "ขอบคุณมากนะครับ แต่ผมว่าผมคงไม่เหมาะกับอะไรทำนองนี้เท่าไหน่ ผมคงยังไม่มีประสบการณ์ความรักมากพอจะมาแชร์ให้ใครๆได้นะครับ"

"ไม่มีใครที่อ่อนประสบการณ์ทางความรักหรอกค่ะ ทุกมิติก็คือความรัก ถึงคุณจะอยู่คนเดียวมาตลอดชีวิต คุณก็ต้องมีความรักในแบบของคุณเองเช่นกัน" มะกรูดกระเถิบเข้ามาใกล้มากขึ้น "ยังไงก็ลองคิดดูต่อได้นะคะ ยังอาทิตย์แรกๆอยู่ น่าจะยังพอมีเวลาการที่ชมรมจะปิดรับสมัครค่ะ นี่เป็น username ของดิชั้นค่ะ add ได้นะคะ" มะกรูดยื่นนามบัตรเล็กๆที่เป็นรูปทรงมะกรูดให้ชายใหญ่ เค้าได้กลิ่นมะกรูดมาจากแผ่นกระดาษด้วย

"ขอความรักอันไร้พิษสงจงมีแก่คุณ" มะกรูดบอกตบท้ายกับชายใหญ่ ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปร่วมวงปลอบประโลมลิ้นจี่กันกับเพื่อนๆ

ชายใหญ่ไม่ได้รู้สึกต่อต้านอะไรกับความรัก แต่เค้าเพียงรู้สึกแบบนั้นจริงๆว่าเค้ายังไม่ได้คิดว่าตัวเองมีปัญหาอะไรหนักใจกับเรื่องนี้มากนัก เค้าค่อยๆเดินออกมาจากห้องอย่างเงียบๆไม่ให้เป็นการรบกวนสมาชิกคนอื่น

หลังจากที่ปิดประตูสีขมพูบานเย็น เค้าก็ถือโอกาสลองเดินสำรวจห้องอื่นๆที่ได้คัดเลือกมาอยูที่ใต้ดินแห่งนี้ นอกจากชมรมความสัมมพันธ์ ก็ยังมีชมรมดนตรีในสวน ชมรมกองดอง ชมรมสัตว์วิเศษ ที่เค้ารู้สึกสนใจแต่ไม่ได้มีเวลาพอให้เค้าได้เข้าไปศึกษา เพราะเค้าต้องรีบไปชมรมการเล่าเรื่องก่อนที่จะเย็นไปกว่านี้

ชายใหญ่คิดว่าตัวเองลงไปไม่นาน แต่พอจังหวะที่เดินกลับขึ้นมาก็พบว่าพระอาทิตย์กำลังตกจะมิดฟ้าอยู่แล้ว เค้าหยิบสมุดที่บันทึกข้อมูลห้องแล้วก็ชั้นของชมรมเล่าเรื่องออกมาเปิด แล้วก็มองหาห้องหมายเลข 7 ชั้น 3 ตามที่คุณหอมใหญ่เขียนบอกไว้

เค้าเดินผ่านชั้น 2 ซึ่งดังกระหึ่มไปด้วยเสียงกรี้ดของสาวๆซึ่งกำลังกรี้ดกลุ่มมะเขือม่วงหนุ่มที่กำลังซ้อมเต้นเพลงคัฟเวอร์กัน ที่ชั้น 3 เสียงอึกทึกเริ่มเงียบลง มนุษย์ต้นไม้ต้นอื่นที่ระเบียงก็ดูเบาบางลง เค้าเดินไล่อ่านป้ายบอกเลขห้องตามห้องต่างๆไปทีละห้องๆจนสุดท้ายมาเจอประตูที่เค้าเดาว่าต้องเป็นชมรมที่เค้าตามหาแน่ๆเพราะว่าด้านหน้าประตูเขียนว่า "Facts or Fiction or what's the difference?" เค้ามักจะชอบเสพย์คำยากๆหรืออะไรปรัชญาๆแบบนี้ประจำ เหมือนตอนอยู่บ้าน ถ้าไม่เป็นการใคร่ครวญสิ่งที่น้องสาวหญิงเล็กของเค้าพูดออกมา ก็จะเป็นการสนทนาตอบโต้ระหว่างเค้ากับชายกลาง น้องชายคนกลางของเค้าซึ่งมักจะมีความเห็นหลังจกาการดูหนังหรืออ่านหนังสือที่แตกต่างจากเค้าเสมอๆ

เค้าเคาะประตูแต่ก็ไม่มีใครเปิด เค้าเลยตะโกนขออนุญาติแล้วจึงเปิดแง้มประตูเข้าไป

เค้าต้องตกใจเมื่อเห็นว่าด้านในมีเหมือนโปสเตอร์หนังทั้งหนังคลาสสิคขึ้นหิ้งไม่ก็หนังใหม่ หนังบล็อกบัสเตอร์ แล้วก็หนังอินดี้ แปะอัดกันแน่นทุกกระเบียดนิ้ว นอกจากโปสเตอร์หนังก็จะมีคำโคว้ตที่เป็นคำบันดาลใจไม่ก็คำจากตัวละครจากหนังแปะแทรกอยู่ด้วยเช่นกัน ตรงกลางของห้องมีเบาะที่นั่งบีนส์แบกอยู่หลายชิ้น ที่มุมห้องด้านหนึ่งมีชั้นหนังสือที่แตกต่างจากชั้นหนังสือที่เค้าเพิ่งเห็นที่ห้องความสัมพันธ์อย่างสิ้นเชิงคือชั้นหนังสือในห้องนี้มีสภาพสเหมือนว่าถ้าไปพิงเข้าหน่อยอาจจะล้มโครมลงมาได้ง่ายๆ เค้าวาดสายตาไปทางขวาก็เจอเหมือนเครื่องทำป๊อบคอร์น แล้วก็กองม้วนวิดิโอ แล้วก็มีเหมือนแผ่นเสียงด้วย แล้วเค้าก็เห็นหอมใหญ่ หัวหน้าชมรมกับน่าจะเป็นสมาชิกชมรมอีกคน เป็นมนุษย์กระท้อน กำลังช่วยกันติดโปสเตอร์บนผนังที่ว่างสีขาว อ่านได้ว่า "F*ck Market!" เค้าถึงกลับกลืนน้ำลายนิดนึงกับคำที่อ่านดูรุนแรงแบบนี้ แต่ก็เข้าใจว่าการเปิดรับความคิดที่แตกต่างเป็นอะไรที่เค้าอยากจะฝึกฝนเช่นกัน

เค้ารู้สึกแตกต่างจากตอนที่เดินเข้าไปชมรมความรักอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เค้ารู้สึกตื่นเต้นอยากจะรู้จักเพื่อนใหม่ทั้งสองจังเลยแฮะ อยากรู้ว่าเค้าจะชอบดู ชอบอ่านอะไรกัน แล้วเราจะมาเล่าเรื่องอะไรกันดีนะ

Previous
Previous

เรื่องเล่าใต้ห้องนอนตอนที่ 16 : น้องๆอีกสามคนต้น

Next
Next

เรื่องเล่าใต้ห้องนอนตอนที่ 14 : ความรักบูดๆ