เรื่องเล่าใต้ห้องนอน ตอนที่ 4: ก๊อกๆๆ
เขียนเมื่อ 20 ก.พ. 64
"ก๊อกๆๆ" เขียวเข้มมองสัญญาณจากเขียวกลางน้องชายให้แน่ใจอีกครั้งก่อนจะเคาะประตูของอัดเพลงให้เปิดออกหลังจากสังเกตว่าไฟที่แสดงว่ากำลังอัดเสียงเพลงอยู่ดับลง
"เชิญค่ะ เชิญๆ เดี๋ยวเราขอเวลาอีกสักสิบห้านาทีก่อนจะปล่อยห้องนะคะ" เขียวเข้มเพิ่งจะได้แง้มประตูเปิดเข้าไปด้านในห้องไม่ไกลเท่าไหร่ ก็มีเสียงผู้หญิงพูดทักออกมา
สีเทียนเขียวหนุ่มทั้งสองค่อยๆกลิ้งตัวเข้าไปในห้อง ไม่ต่างจากเขียวอ่อนน้องสาวของพวกเค้า ทั้งสองยังคงตื่นเต้นไปกับโลกที่พวกเค้าอาศัยอยู่ตอนนี้ ถึงจะยังอธิบายไม่ค่อยถูกว่าพวกเค้าเอาตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงก็ตาม ด้านในเป็นห้องขนาดไม่ใหญ่มาก เล็กกว่าห้องพี่ทองได้ แต่ที่ผนังด้านหนึ่งครึ่งหนึ่งกลับเป็นผนังกระจก สามารถมองทะลุไปยังอีกห้องหนึ่งได้ ไฟภายในห้องมีสีออกส้ม ถ้าพี่ทองอยู่ในห้องแบบนี้ก็คงจะบอกพวกเค้าว่านี่สิไฟสำหรับงานเพลง ไฟสีขาวให้ความรู้สึกวิชาการเกินไป ว่าแต่พี่ทองจะรู้หรือยังนะว่าใต้ห้องนอนเค้ามีอะไรซ่อนอยู่มากมายขนาดนี้
"สวัสดีค่ะ พวกคุณคือเพื่อนใหม่ของพี่น้องไม้หัวเหรอคะ" ตอนนี้เพื่อนใหม่ของทั้งสองที่นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะซึ่งบนโต๊ะมีทั้งคอมพิวเตอร์แล้วก็อุปกรณ์หรือแผงวงจรกับปุ่มนับไม่ถ้วนมากมายวางอยู่ "เอ่อ ใช่ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ เราไม่รู้มาก่อนเลยว่าใต้ห้องพี่ทองก็มีห้องอัดเสียงด้วย ผมชื่อเขียวเข้ม เป็นสีเทียนพูดได้ครับ ส่วนทางนี้คือน้องชายผมครับ เขียวกลาง เอ้าเขียวกลางแนะนำตัวสิ" เขียวเข้มกลิ้งหลบให้น้องชายขึ้นมาแนะนำตัว เค้าจำได้ว่าพี่หญิงใหญ่เคยสอนไว้ว่าเวลาเจอเพื่อนใหม่ควรจะเข้าไปแนะนำตัวทำความรู้จัก ถึงแม้ว่าเราจะไม่กล้าแต่มันก็เป็นมารยาทที่ดี "เอ่อสวัสดีครับ ผมเขียวกลางนะครับ พอดีเราทั้งสองกลิ้งมาตามเสียงดนตรีเครื่องสายน่ะครับ จริงๆพวกเราไม่มีมีกันแค่ 2 สี แต่มีกันถึง 9 ครับ แต่ตอนนี้กระจัดกระจายกันไปหมด ไม่คิดว่าจะมีห้องหับซ่อนอยู่ต่อจากโถงใหญ่ชายเยอะแยะขนาดนี้เลยครับ" เขียวกลางบอก
"แล้วก็คงไม่ได้คิดว่าจะได้เจอเพื่อนใหม่ด้วยสินะคะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ชั้นคือเขบ็ตสองชั้น เป็นเขบ็ตแฝดคนน้อง ส่วนโน้ตที่อยู่ตรงข้ามห้องทางโน้น คือแฝดพี่ของชั้นเอง เป็นเขบ็ตชั้นเดียวค่ะ ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมถึงเป็นแฝดหรอกนะคะ โน้ตสองตัวในจังหวะเดียวมันแสนจะธรรมดาเลย ว่าไหมคะ" เขบ็ตสองชั้นกล่าว พลางหันกลับไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อทำงานเพลงของเธอต่อ เธอยกมือโบกให้พี่ชายลุกขึ้นมองมาทางนี้เพื่อทักทายเพื่อนใหม่ พี่ชายของเข้าเหมือนกำลังง่วนอยู่กับการพยายามดีดกีตาร์ให้ได้เสียงที่ต้องการ
"ตระการตาเป็นที่สุดเลยครับ เราได้ฟังเรื่องทฤษฎีดนตรีแบบย่อๆมาจากพี่หญิงใหญ่อยู่ครับ ตอนนั้นที่เราไปร่วมกันร้องเพลงสุขสันต์วันเกิดให้พี่สาวพี่ทองฟัง จังหวะเป็นอะไรที่พวกเราไม่ถนัดจริงๆ เอาแค่ว่าในกลุ่มสีเทียน 9 สีพี่น้องของเราใครจะพูดก่อนพูดหลังดี เรายังหาคิวกันไม่ค่อยจะถูกเลยครับ เป็นเกียรติเหลือเกินที่ได้รู้จักกับสิ่งมีชีวิตในแวดวงดนตรีครับ หวังว่าพวกเราจะได้มีโอกาสมาร้องเพลงประสานเสียงกันในห้องอัดนี้บ้าง" เขียวเข้มบอกกับเขบ็ตสองชั้นซึ่งตอนนี้กำลังเลือกใส่เสียงกลองลงไปในเพลงที่เค้ากำลังตัดต่ออยู่
"พวกคุณมาก็ดีแล้วค่ะ กระบวนการงานสร้างสรรค์ จะให้จดจ่ออยู่ตลอดเวลา มันก็มีจุดที่ตันค่ะ มีคนมาให้ชั้นได้คุยด้วย เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนบรรยากาศก็ดีเหมือนกัน แต่ชั้นขอใส่เสียง Snare ตรงนี้อีกนิดนึงก่อนนะคะ" เขบ็ตสองชั้นตอบกลับเขียวเข้มโดยที่ไม่ได้หันมามองจากเก้าอี่ซึ่งเธอกำลังง่วนกับงานอยู่ สีเทียนเขียวทั้งสองยอมจะให้เขบ็ตสองชั้นทำงานอีกนานๆเพื่อจะได้สังเกตการณ์การทำงานเพลงของเธอ
"นั่นไงๆ ชั้นบอกแล้วว่าเชลโล่ ฮ่า!" เขียวกลางยื่นมือไปสะกิดเขียวเข้มโดยพยายามส่งเสียงให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ไม่ให้เป็นการรบกวนการทำงานของเขบ็ตสองชั้น เค้าโยกหัวไปทางทิศทางของมุมห้องที่อยู่ตรงข้ามกระจก ซึ่งเห็นเป็นเขบ็ตชั้นเดียวกำลังดีดกีตาร์ร้องเพลงอยู่ บริเวณรอบๆโน้ตหนุ่มมีเครื่องดนตรีหลายชิ้นวางอยู่ มีทั้งเชลโล่ ทรัมเป็ต แล้วก็คลาริเน็ตส่วนที่มุมห้องก็เป็นกลองชุดกับคีย์บอร์ด
"เรียบร้อยค่ะ" เขบ็ตสองชั้นเปิดเสียงเพลงให้เล่นวนไป หลังจากที่เธอใส่เสียงกลองลงไปเรียบร้อย "พวกคุณลองฟังแล้วก็คอมเมนต์ได้นะคะ ดิฉันสบายมากกับคำวิจารณ์ค่ะ ดิฉันจะขอเอามาเป็นไอเดีย แต่บอกไว้ก่อนนะคะ ต่อหน้าพี่ชายดิฉัน ขอร้องค่ะ อย่าคอมเมนต์อะไรทั้งสิ้นนะคะ พี่ชายดิฉันเค้าจะเซนซิทีฟเป็นพิเศษค่ะ มาบอกดิฉันได้ ดิฉันจะไปกรองคำให้ก่อนเองค่ะ
เทียนเขียวทั้งสองฟังเพลง แล้วก็พยายามตีความหมายเพลง ทั้งสองได้มีโอกาสฟังเพลงบนโลกนี้ยังน้อยอยู่ นอกจากเวลาพี่ทองร้องเพลง Cover ศิลปินญี่ปุ่นที่ชอบแล้ว ก็จะมีพี่หญิงใหญ่ร้องเพลงรักอยู่ระหว่างทำอาหารบ้าง หรือว่าระหว่างเขียนจดหมายถึงคุณพี่ยี่หร่าบ้าง ออ จะมีอีกครั้งก็เวลาที่ชายเล็กร้องเพลงให้ต้นไม้ในสวนของเค้าฟัง ทั้งนี้ทั้งนั้น เค้าไม่เคยได้ยินเพลงในลักษณะที่กำลังได้ยินมาก่อน มันดูไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักเหมือนเพลงอื่นๆ 'เรื่องค้างคาใจ คิดไปก็เครียด กังวลเปล่าๆ หนักไหมล่ะ เหนื่อยไหมล่ะ ค้างใจไว้นานๆ ระวังจะกลายเป็นค้างคาวติดอยู่ในถ้ำ' แปลกแต่ก็น่าเอาไปคิด สงสัยต้องเก็บเนื้อเพลงไปให้สีม่วงช่วยแปลความหมายเสียแล้ว เพราะว่าสีม่วงเค้าคลาสอ่านหนังสือกับพี่ชายกลางบ่อยที่สุด
"เป็นไงคะ" เขบ็ตสองชั้นถามความเห็น ขณะที่เขียวใหญ่บอกคำตอบออกมา เขบ็ตชั้นเดียวก็เปิดประตูด้านข้างที่ต่อเข้าห้องอัดเสียงออกมาพอดี "ความหมายยังงงๆนะครับ"
แล้วทั้งสี่ก็มองหน้ากัน